แจกฟรี ! เมนูเค้กยอดนิยม สูตรขนมแห่งยุค มีให้เลือกทำหลากหลาย เนื้อนุ่มเต็มปากเต็มคำ แล้วเราจะอ้วนไปด้วยกันเนอะ
สูตรเค้กยอดนิยม 2018 มีอะไรบ้าง ? ใครอยากได้สูตรเค้กง่าย ๆ และอร่อย ทำกินก็ดี ทำแจกก็ได้ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเมนูเค้กยอดนิยม เช่น สูตรเค้กไข่ไต้หวัน สูตรเค้กลูกส้ม สูตรเครปเค้ก สูตรเค้กทุเรียน เป็นต้น ลงมือทำกันเลยเถอะ จะได้กินก่อนใครเพื่อน
1. เค้กไข่ไต้หวัน
เมนูเค้กยอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่ผุดเป็นดอกเห็ดตามท้องตลาดนั่นคือ เค้กไข่ไต้หวัน สูตรนี้เป็นรสต้นตำรับหอมกลิ่นไข่ เนื้อนุ่มเด้งกินอร่อยลื่นคอ ทั้งนี้สามารถดัดแปลงเป็นเค้กไข่ไต้หวันรสชีส รสชาเขียว หรือรสช็อกโกแลตได้ตามชอบ
เค้กไข่ไต้หวัน สำหรับพิมพ์ขนาดกว้าง 7 x ยาว 11 x สูง 2 นิ้ว
ส่วนผสม ไข่แดง
- ไข่แดง (เบอร์ 2) 7 ฟอง
- แป้งเค้ก 150 กรัม
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- นมข้นจืด 145 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 100 กรัม
ส่วนผสม ไข่ขาว
- ไข่ขาว (เบอร์ 2) 7 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ (หรือน้ำมะนาว) 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 100-120 กรัม (สามารถเพิ่ม-ลดน้ำตาลได้ค่ะ)
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
วิธีทำเค้กไข่ไต้หวัน
- 1. แยกไข่แดงกับไข่ขาว เตรียมไว้
- หลังจากนั้นทำส่วนผสมไข่แดงโดยร่อนแป้งเค้กกับเกลือป่น ถ้าอยากได้เค้กที่เนื้อละเอียดก็ร่อนสัก 2 รอบ การร่อนแป้งจะทำให้กรองเศษฝุ่น และระหว่างที่ร่อนแป้ง อากาศจะเข้าแทรกระหว่างเนื้อแป้งทำให้แป้งฟูและเบาขึ้นไปอีก
- จากนั้นก็ตวงส่วนผสมที่เป็นของเหลว ได้แก่ นมข้นจืด และน้ำมันพืช น้ำตาลทราย และแยกไข่เอาไว้
- เทน้ำมันพืชใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนน้ำมันร้อน เสร็จแล้วปิดเตา (หรือนำน้ำมันพืชเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที) จากนั้นใส่แป้งเค้กลงไปผสมกับน้ำมัน ขั้นตอนนี้ทำให้เค้กมีความนุ่มและเบาโดยที่ไม่ต้องพึ่งสารเสริมใด ๆ ไขมันจะเคลือบแป้งไว้ ไม่ให้แป้งสัมผัสกับน้ำ เพราะเวลาที่แป้งสัมผัสกับน้ำหรือของเหลวจะทำให้เกิดกลูเตน กลูเตนจะมีความเหนียว ถ้าตะล่อมแป้งกับน้ำนาน ๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เค้กเหนียวได้ ใช้ไม้พายคนให้คลายร้อนลงบ้าง หลังจากนั้นใส่นมข้นจืด เพื่อเพิ่มความหอมนุ่มและรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น หลังจากนั้นคนหรือตะล่อมให้เข้ากัน ใส่ไข่แดงลงไป เพิ่มความหอมด้วยกลิ่นวานิลลา ตะล่อมให้เข้ากันและพักไว้
- ทำส่วนผสมไข่ขาวโดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ หลังจากนั้นใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ (ครีมออฟทาร์ทาร์จะช่วยทำให้ไข่ตีขึ้นฟูง่าย และทำให้ฟองอากาศที่ตีอัดเข้าไปมีความอยู่ตัวมากขึ้น ไม่ยุบตัวง่าย) ตีพอเข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพด (เพื่อเพิ่มความนุ่มและยืดหยุ่นให้กับเค้ก) ตีพอเข้ากัน
- ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป (น้ำตาลทรายแบ่งใส่สัก 3 รอบ ถ้าใส่ไปทีเดียวฟองอากาศอาจจะยุบตัวได้ และน้ำตาลก็จะละลายช้าด้วย) ตีจนตั้งยอด
- ตักเมอแรงค์หรือไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามส่วนผสมไข่แดง (ถ้าใส่ไปทีเดียวหมดจะผสมเข้ากันยากกว่า และทำให้เสียฟองอากาศเยอะ เป็นสาเหตุที่ทำให้เค้กไม่ขึ้นฟู) ตะล่อมเบาจนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ (พิมพ์รองด้วยกระดาษไข ก่อนเอากระดาษไขรองอย่าลืมทาไขมันหรือเนยบนถาดด้วย) เคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง ถ้ายังมีฟองอยู่ก็เอาไม้จิ้มฟันเจาะฟองออก เค้กอบมาหน้าจะได้สวย ๆ ไม่มีรูพรุน
- นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส บนถาดน้ำร้อน อบเป็นเวลา 35-40 นาที แล้วแต่เตาแต่ละบ้านด้วยนะคะ บางเตาอาจจะอบนานถึง 50 นาทีเลยก็ได้ (การอบบนถาดน้ำร้อนจะทำให้เค้กมีความชุ่มชื้นขึ้น) เปิดไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม หลังจากนั้นอบไล่ความชื้นเอาถาดรองน้ำร้อนออก อบต่อด้วยอุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 8-10 นาที เปิดไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม (เช็กความสุกโดยเอาไม้ปลายแหลมจิ้มลงไป ถ้าไม่มีเศษเค้กแฉะ ๆ ติดออกมา แสดงว่าเค้กสุกดีแล้ว) ถ้าไม่สะดวกรองด้วยถาดน้ำก็สามารถอบแบบธรรมดาที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30-35 นาที ค่ะ
- พออบเสร็จพักให้อุ่นลงประมาณ 10 นาที แล้วค่อยเอาเค้กออกจากพิมพ์ ลอกกระดาษไขออก พลิกเค้กอีกด้านขึ้นมา และตัดขนาดตามชอบ
2. บัตเตอร์เค้ก
เมนูบัตเตอร์เค้กเป็นอีกเมนูเค้กยอดนิยมตลอดกาล เพราะด้วยเป็นเค้กเนื้อแน่นหอมเนย กินได้ทุกวัย สูตรนี้ใส่น้ำเชื่อมเพิ่มความหวานให้เนื้อเค้ก ที่ขาดไม่ได้คือเนยสด
ส่วนผสม บัตเตอร์เค้ก
- แป้งเค้ก 330 กรัม
- นมผง 3 ช้อนโต๊ะ
- ผงฟู 1/4 ช้อนชา
- ผงวานิลลา 1 ช้อนชา (ถ้าใช้แบบน้ำให้ใส่รวมไปกับส่วนผสมเหลว)
- น้ำตาลทรายป่น 210 กรัม
- ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 6 ฟอง
- น้ำ 45 กรัม
- เอสพี (SP) 30 กรัม
- น้ำเชื่อม 90 กรัม
- เนยสดชนิดเค็ม 360 กรัม
ส่วนผสม น้ำเชื่อม
- น้ำตาลทราย 500 กรัม
- น้ำ 1 ถ้วย
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
อุปกรณ์
- พิมพ์อะลูมิเนียมฟอยล์ (วันนี้ใช้ฟอยล์เบอร์ 4572 จำนวน 3 พิมพ์ กับเบอร์ 4618 จำนวน 2 พิมพ์)
วิธีทำบัตเตอร์เค้ก
- 1. ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำตาลทราย น้ำ และครีมออฟทาร์ทาร์ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ (ไม่ต้องคน) พอเริ่มเดือด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น เตรียมไว้ (ถ้าเหลือก็ใส่ขวดเก็บในตู้เย็นไว้ใช้คราวหน้าได้)
- เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เตรียมไว้
- ร่อนแป้งเค้ก นมผง ผงฟู ผงวานิลลา และน้ำตาลทรายป่นเข้าด้วยกัน ร่อนทั้งหมด 3 ครั้ง เตรียมไว้
- ตีผสมไข่ไก่ น้ำ และเอสพี ในโถผสมให้เข้ากัน แล้วใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไป ตีด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 5 นาที จนส่วนผสมข้น ฟู และขาว ลดเป็นความเร็วต่ำแล้วใส่น้ำเชื่อมลงไป
- ค่อย ๆ เทเนยละลายอุ่นๆ ลงไป ตีต่อและปาดอ่างเป็นระยะ ๆ จนส่วนผสมเข้ากันดี ปิดเครื่อง เทส่วนผสมใส่พิมพ์อลูมิเนียมฟอยล์ (ใส่พิมพ์เบอร์ 4572 ได้ 3 พิมพ์ เหลืออีกเล็กน้อยเทใส่พิมพ์เบอร์ 4618 ได้ 2 พิมพ์)
- นำเข้าอบ โดยพิมพ์เล็กใช้เวลาประมาณ 18 นาที ส่วนพิมพ์ใหญ่ใช้เวลาประมาณ 35 นาที อบจนสุก นำออกจากเตา วางพักทิ้งไว้สักครู่แล้วนำไปแช่ตู้เย็นเนื้อจะแน่นขึ้น ตัดเนื้อเค้กดูตอนอบเสร็จ สุกดี เนื้อยังไม่แน่น แต่อร่อย หลังจากแช่ตู้เย็น ผ่านมาหลายชั่วโมง เนื้อแน่นขึ้นแล้ว สวยจัง
3. เค้กฝอยทองใบเตย
เมนูเค้กฝอยทองใบเตย เนื้อเค้กสีเขียวหอมใบเตยมาก ๆ เคี้ยวนุ่มอร่อยเพลินเลยล่ะ จะแต่งด้วยฝอยทองสีส้มหรือฝอยทองใบเตยสีเขียวก็ตามชอบเลยค่ะ
ส่วนผสม สปันจ์เค้กใบเตย (สำหรับพิมพ์ขนาด 1 ปอนด์)
- แป้งเค้ก 50 กรัม
- ไข่ไก่ เบอร์ 2 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 40 กรัม
- กลิ่นใบเตย 1/2 ช้อนชา
- น้ำใบเตยคั้น 40 กรัม
- สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือ หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 1 ช้อนชา
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- เนยเค็มละลาย 40 กรัม
- สีผสมอาหาร สีเขียว ประมาณ 15-20 หยด
- ฝอยทอง 150 กรัม
วิธีทำเค้กใบเตยฝอยทอง
- ใส่ฝอยทองลงไปในพิมพ์ อัดให้แน่น ๆ
- ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี หรือโอวาเล็ต จนขึ้นฟูหรือสีไข่ดูอ่อนลง
- พอฟูมีสีขาวนวลขึ้นก็ใส่น้ำใบเตย กลิ่นใบเตย และสีเขียวแอปเปิลลงไป ตีประมาณ 5-10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้น 2-3 เท่า
- เวลายกตะกร้อแล้วส่วนผสมที่หยดลงมาไม่จมลงโถ จะลอยอยู่เหนือผิวหน้าด้านบน ใส่แป้งที่ร่อนกับผงฟูลงไป แนะนำให้ร่อนสัก 2 รอบ เค้กจะได้เบานุ่มยิ่งขึ้น เอาตะกร้อตะล่อมเบา ๆ ก่อนเปิดเครื่อง แป้งจะได้ไม่ฟุ้งค่ะ ตีประมาณ 3 นาที หลังจากนั้นก็ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี ลองเช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีให้ทำขั้นตอนต่อไป คือ ค่อย ๆ ใส่เนยละลายลงไป อย่าใส่ทีเดียวหมด ระวังเค้กจะเป็นไต หลังจากใส่เนยหมดก็ตีต่ออีก 3-5 นาที
- เทเค้กในไปในพิมพ์ (ก่อนนำฝอยทองใส่ลงไป ให้ทาไขมันลงไปในพิมพ์ก่อน) อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อบไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม อบบนถาดน้ำร้อน รองด้วยถาดน้ำร้อนฝอยทองจะได้ไม่ไหม้ ใช้เวลาอบ 40-45 นาที พออบเสร็จแล้ว ใช้มีดปลายแหลมแซะด้านข้าง แล้วให้คว่ำพิมพ์บนตะแกรง พักจนเย็นสนิท
4. เค้กชาไทยหน้านิ่ม
เค้กชาไทยก็ว่าฟินแล้ว แต่ถ้าอยากฟินยิ่งกว่าขอนำเสนอเค้กชาไทยหน้านิ่ม เนื้อเค้กใส่ความหอมของน้ำชาไทย มาพร้อมวิธีทำหน้านิ่มชาไทยรสเข้มข้น
ส่วนผสม เค้กสปันจ์ชาไทย (สำหรับพิมพ์ 3 ปอนด์)
- ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 15 กรัม
- น้ำชาไทย 40 กรัม
- นมสด หรือนมจืด 40 กรัม
- กลิ่นชาไทย 1/2 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 100 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เนยเค็มละลาย 80 กรัม (พักให้อุ่นลง อย่าใส่ตอนร้อนนะคะ)
- สีผสมอาหารสีส้ม (ไม่ใส่ก็ได้)
ส่วนผสม หน้านิ่มชาไทย
- ผงวุ้น 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 250 กรัม
- น้ำชาไทย 250 กรัม (น้ำร้อน 300-350 กรัม+ผงชาไทย 3-5 ช้อนโต๊ะ พอกรองจนชาสีเข้มแล้วแบ่งน้ำชาไว้ส่วนหนึ่งในการทำเค้กประมาณ 40 กรัม)
- น้ำตาลทราย 70 กรัม
- นมข้นหวาน 80 กรัม
- แป้งข้าวโพด 35 กรัม
- นมสดหรือนมข้นจืด 100 กรัม
- เนยสดเค็ม 70 กรัม
- กลิ่นชาไทย 1 ช้อนชา
วิธีทำเค้กชาไทยหน้านิ่ม
- ผสมผงชาไทยกับน้ำร้อนแล้วพักไว้ให้สีชาแก่ขึ้น แบ่งส่วนหนึ่งไว้ผสมทำเค้ก อีกส่วนไว้ทำหน้านิ่ม
- ทำเค้กชาไทย โดยตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพเอสพีหรือโอวาเล็ตจนขึ้นฟูหรือสีไข่ดูอ่อนลง
- เติมน้ำชาที่กรองไว้ นม และกลิ่นชาไทย ตีไปสัก 5-10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้น 2-3 เท่า สังเกตจากเวลายกตะกร้อแล้วส่วนผสมที่หยดลงมาไม่จมลงโถ จะลอยอยู่เหนือผิวหน้าด้านบน
- ใส่แป้งที่ร่อนกับผงฟูลงไป (แนะนำให้ร่อนสัก 2 รอบนะคะ เค้กจะได้เบานุ่มยิ่งขึ้น) เอาตะกร้อตะล่อมเบา ๆ ก่อนเปิดเครื่อง แป้งจะได้ไม่ฟุ้งค่ะ ตีประมาณ 3 นาที หลังจากนั้นก็ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี ลองเช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีให้ทำขั้นตอนต่อไป คือ ค่อย ๆ ใส่เนยละลายลงไป อย่าใส่ทีเดียวหมด ระวังเค้กจะเป็นไต หลังจากใส่เนยหมดก็ตีต่ออีก 3-5 นาที
- พอครบ 5 นาทีแล้วอย่าลืมเช็กก้นโถว่ามีเนยนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็เทใส่พิมพ์ 3 ปอนด์ที่เตรียมไว้เลย
- นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อบไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม เป็นเวลา 35-40 นาที แล้วแต่เตาแต่ละบ้าน ต้องลองเช็กเตาที่บ้านอีกที พออบเสร็จแล้วพักไว้ให้เย็นสนิท และนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้เค้กเซตตัวก่อนนำมาแต่งหน้าสัก 2 ชั่วโมงหรือข้ามคืนเลยก็ได้
- พอเค้กเซตตัวแล้วทำชาไทยหน้านิ่มต่อเลยนะคะ ผสมผงวุ้นกับน้ำแล้วคนให้วุ้นละลาย และพักไว้ให้วุ้นเซตตัว 10 นาที
- ผสมน้ำตาลทรายกับนมข้นหวานลงในน้ำชาไทย คนให้เข้ากัน
- นำหม้อผสมผงวุ้นที่พักไว้ไปต้มจนเดือดและผงวุ้นละลายหมด หลังจากนั้นเติมส่วนผสมน้ำชาไทยลงไป คนจนเข้ากัน
- ผสมแป้งข้าวโพดกับนมสดหรือนมข้นจืดให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เทลงไปในหม้อ ระหว่างนี้ก็คนไปด้วย คนแป๊บเดียวหน้านิ่มก็ข้นขึ้นแล้ว คนต่ออีกสัก 20-30 วินาที แล้วดับเตา
- ใส่กลิ่นชาไทยและเนยสดลงไป คนจนเนยละลาย
- แบ่งเค้กเป็น 2 ชิ้น นำหน้านิ่มปาดบนเค้กแผ่นแรกให้ทั่ว แล้วนำอีกแผ่นมาวางประกบ ปาดด้านข้างให้เรียบร้อยแล้วราดหน้านิ่มให้ทั่วเค้ก ปาดให้สวยงาม พักให้เซตตัวในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนำมาตัดเสิร์ฟ
5. เค้กลูกส้ม
เค้กส้มหน้านิ่มคงต้องชิดซ้ายให้กับเมนูเค้กลูกส้ม ความพิเศษคือ เค้กหน้าตาเหมือนส้มเลยค่ะ ส่วนเนื้อเค้กใส่น้ำส้มและกลิ่นส้ม พร้อมราดแยมส้มหน้านิ่มลงไปเคลือบทั้งลูก
ส่วนผสม สปันจ์เค้กส้ม (ประมาณ 10-12 ลูก)
- ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 70-80 กรัม
- สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 10 กรัม
- นมสด หรือนมจืด 40 กรัม
- น้ำส้มคั้น หรือน้ำเปล่า 40 กรัม
- กลิ่นส้ม 1/2 ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีส้ม
- แป้งเค้ก 100 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เนยเค็มละลาย 80 กรัม
ส่วนผสม แยมส้มหน้านิ่ม (ซอสส้ม)
- น้ำเปล่า 300 กรัม
- น้ำส้มซันควิก 70 กรัม
- น้ำตาลทราย 110 กรัม
- แป้งข้าวโพด หรือแป้งกวนไส้ 25 กรัม
- เนยสดรสเค็ม 30 กรัม
- สีผสมอาหารสีส้ม
วิธีทำเค้กลูกส้ม
- ตีไข่ น้ำตาลทราย กับสารเสริมคุณภาพจนขึ้นฟู
- เติมนม น้ำส้ม กลิ่นส้ม และสีผสมอาหารสีส้ม ประมาณ 15-20 หยด หรือตามชอบ ลงไปตีต่อจนส่วนผสมทั้งหมดขึ้นฟูเบา สังเกตจากเวลายกหัวตะกร้อขึ้น ส่วนผสมหยดลงโถแล้วไม่จมลงไป จะลอยบนผิวด้านบน
- หลังจากนั้นใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูลงไป (ให้ร่อนแป้งสัก 2 รอบเพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมเบา ๆ ก่อนเปิดเครื่อง เพราะถ้าเปิดเครื่องเลยแป้งจะฟุ้ง หลังจากนั้นก็ตีต่อด้วยความเร็วปานกลางสัก 2-3 นาที
- ลองเช็กก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นไหม ถ้าไม่มีก็ค่อย ๆ เติมเนยละลายที่พักจนอุ่นลงไปทีละนิด อย่าเทพรวดเดียว เพราะจะตีผสมกันยาก ซึ่งเป็นสาเหตุให้เค้กเป็นไตได้ พอใส่เนยละลายหมดแล้วก็ตีต่ออีกสัก 3 นาที
- ทาเนยขาวให้ทั่วพิมพ์ เตรียมไว้ ตักแป้งเค้กใส่พิมพ์เค้กลูกส้ม ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ หรือเต็มพิมพ์ หลังจากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม ประมาณ 20-25 นาที
- พออบเสร็จเอาออกมาจากเตาแล้วก็คว่ำลงบนตะแกรง พักทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วค่อยแกะพิมพ์ซิลิโคนออก หลังจากนั้นก็พักให้เย็นสนิทบนตะแกรง
- ระหว่างรอเค้กให้เย็นก็มาทำซอสส้มกัน โดยผสมน้ำ น้ำส้มซันควิก และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพดลงไปตีผสมให้เข้ากัน ยกขึ้นเตา เปิดไฟอ่อน-กลาง คนเรื่อย ๆ จนซอสสีเริ่มใสและข้นขึ้น
- ปิดเตา ใส่เนยลงไปคนให้เข้ากัน เติมสีผสมอาหารสีส้ม ประมาณ 10-15 หยด หรือตามชอบ คนผสมให้เข้ากัน
- เสร็จแล้วก็นำมาราดบนเค้กส้ม ราดสัก 2 รอบ แล้วก็ยกถาดเคาะเบา ๆ เพื่อให้ผิวส้มเรียบเสมอกัน จากนั้นพักให้เซตตัวประมาณ 20 นาที พอเซตตัวแล้วก็ตกแต่งด้วยใบแก้วหรือใบมะยม
6. เค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต
เค้กชิฟฟ่อนก็เป็นเค้กยอดนิยมตลอดกาล ขอยกตัวอย่างเมนูเค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต จับแป้งเค้กผสมผงโกโก้ เติมกลิ่นวานิลลา พร้อมกับปาดบัตเตอร์ครีม
ส่วนผสม เค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต
- แป้งเค้ก 260 กรัม
- ผงโกโก้ 20 กรัม
- ผงฟู 2+1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย (1) 150 กรัม
- ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 11 ฟอง
- น้ำเปล่า 100 กรัม
- นมข้นจืด 90 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 125 กรัม
- เกลือป่นละเอียด 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 11 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย (2) 210 กรัม
- บัตเตอร์ครีม
- กระดาษสำหรับห่อเค้ก
- ถาดอบขนาด 11x15x2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ
ส่วนผสม บัตเตอร์ครีม
- เนยสดชนิดเค็มพักไว้พอนุ่ม 560 กรัม
- เนยขาว 250 กรัม
- แบะแซ 1/4 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 300 กรัม
- น้ำเปล่า 80 กรัม
- เกลือป่นละเอียด 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 280 กรัม
- นมข้นหวาน 100 กรัม
วิธีทำบัตเตอร์ครีม
- ผสมน้ำตาลทราย แบะแซ น้ำเปล่า และเกลือป่น ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือด
- ตีไข่ขาวด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่องจนขึ้นฟู
- ค่อย ๆ ใส่น้ำเชื่อมในข้อที่ 1 ขณะร้อน ๆ ลงไปเป็นสาย ตีต่อจนขึ้นฟูและเย็นสนิท
- ใส่เนยสดและเนยขาวตีพอเข้ากัน ใส่นมข้นหวานตีต่อจนมีลักษณะฟูและเนียนเป็นครีม
วิธีทำเค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต
- ทาถาดอบด้วยเนยขาว แล้วรองด้วยกระดาษไข ทาเนยขาวอีกครั้งจนทั่ว พักไว้
- ร่อนแป้งเค้ก ผงโกโก้ และผงฟูเข้าด้วยกันลงในอ่างผสม เตรียมไว้
- ผสมไข่แดง น้ำตาลทราย (1) น้ำเปล่า นมข้นจืด กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช และเกลือป่น ผสมจนส่วนผสมละลายดี เทลงในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ คนด้วยตะกร้อมือจนเข้ากัน พักไว้
- ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่องพอขึ้นฟู ค่อย ๆ เติมน้ำตาลทราย (2) ทีละน้อยจนหมด ตีต่อจนส่วนผสมตั้งยอดอ่อน นำไข่ขาวค่อย ๆ แบ่งลงผสมกับส่วนผสมในข้อที่ 3 จนหมดตะล่อมเบา ๆ ด้วยตะกร้อมือและพายยางจนเข้ากันดี
- เทใส่ถาดอบที่เตรียมไว้เท่า ๆ กัน นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30-40 นาทีหรือจนสุก นำออกจากเตาอบแซะออกจากถาดพักขนมบนตะแกรงจนเย็นสนิท
- ปาดบัตเตอร์ครีมลงบนเนื้อเค้กจนทั่ว ประกบด้วยเค้กอีกชิ้นตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมตามต้องการ แล้วห่อด้วยกระดาษ
7. เค้กชิฟฟ่อนใบเตย
มาต่อกันที่เมนูเค้กชิฟฟ่อนใบเตย สูตรนี้แป้งเค้กใส่น้ำใบเตยและสีผสมอาหารสีเขียว พออบจนสุกก็ปาดบัตเตอร์ครีมลงไป
ส่วนผสม เค้กชิฟฟ่อนใบเตย
- แป้งเค้ก 275 กรัม
- แป้งข้าวโพด 15 กรัม
- ผงฟู 2+1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย (1) 140 กรัม
- ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 11 ฟอง
- น้ำเปล่า 80 กรัม
- น้ำใบเตย 100 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 130 กรัม
- เกลือป่นละเอียด 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 12 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย (2) 220 กรัม
- สีผสมอาหารสีเขียว
- กระดาษสำหรับห่อเค้ก
- ถาดอบขนาด 11x15x2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ
ส่วนผสม บัตเตอร์ครีม
- เนยสดชนิดเค็มพักไว้พอนุ่ม 560 กรัม
- เนยขาว 250 กรัม
- แบะแซ 1/4 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 300 กรัม
- น้ำเปล่า 80 กรัม
- เกลือป่นละเอียด 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 280 กรัม
- นมข้นหวาน 100 กรัม
วิธีทำบัตเตอร์ครีม
- ผสมน้ำตาลทราย แบะแซ น้ำเปล่า และเกลือป่น ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือด
- ตีไข่ขาวด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่องจนขึ้นฟู
- ค่อย ๆ ใส่น้ำเชื่อมในข้อที่ 1 ขณะร้อน ๆ ลงไปเป็นสาย ตีต่อจนขึ้นฟูและเย็นสนิท
- ใส่เนยสดและเนยขาวตีพอเข้ากัน ใส่นมข้นหวานตีต่อจนมีลักษณะฟูและเนียนเป็นครีม
วิธีทำเค้กชิฟฟ่อนใบเตย
- ทาถาดด้วยเนยขาว แล้วรองด้วยกระดาษไข ทาเนยขาวอีกครั้งจนทั่ว พักไว้
- ร่อนแป้งเค้ก แป้งข้าวโพด และผงฟูเข้าด้วยกันลงในอ่างผสม เตรียมไว้
- ผสมไข่แดง น้ำตาลทราย (1) น้ำเปล่า น้ำใบเตย กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช และเกลือป่น ผสมจนส่วนผสมละลายดี เทลงในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ คนด้วยตะกร้อมือจนเข้ากัน พักไว้
- ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่องพอขึ้นฟู ค่อย ๆ เติมน้ำตาลทราย (2) ทีละน้อยจนหมด ตีต่อจนส่วนผสมตั้งยอดอ่อน นำไข่ขาวค่อย ๆ แบ่งลงผสมกับส่วนผสมในข้อที่ 3 จนหมด เติมสีเขียวตะล่อมเบา ๆ ด้วยตะกร้อมือและพายยางจนเข้ากันดี
- เทใส่ถาดอบที่เตรียมไว้เท่า ๆ กัน นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30-40 นาทีหรือจนสุก นำออกจากเตาอบแซะออกจากถาดพักขนมบนตะแกรงจนเย็นสนิท
- ปาดบัตเตอร์ครีมลงบนเนื้อเค้กจนทั่ว ประกบด้วยเค้กอีกชิ้นตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยม แล้วห่อด้วยกระดาษ
8. เค้กทุเรียน
ใครชอบกินทุเรียนเป็นทุนเดิม ลองเปลี่ยนสไตล์จากกินผลไม้เพียว ๆ มาทำเค้กทุเรียนกันดีไหม สูตรนี้ใส่เนื้อทุเรียนสุกงอมผสมในเนื้อเค้ก แต่งหนามด้วยครีมบัตเตอร์ทุเรียน
ส่วนผสม เค้กทุเรียน
- เนยสดเค็ม อุณหภูมิห้อง 150 กรัม
- น้ำตาลทราย 150 กรัม (ใส่ตอนตีเนย)
- น้ำตาลไอซิ่งหรือน้ำตาลทราย 175 กรัม
- สารเสริมคุณภาพเอสพี (SP) 15 กรัม (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ในสูตรใส่เพื่อให้เค้กมีปริมาณเพิ่มขึ้นและเนื้อละเอียดมากขึ้น)
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- นมสด 125 กรัม
- น้ำมันมะพร้าว 40 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- เนื้อทุเรียนสุกงอมบด 100 กรัม
- แป้งเค้ก 275 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสม คัสตาร์ดทุเรียน
- นมสด 200 กรัม
- ไข่แดง (เบอร์ 2) 2 ฟอง
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- แป้งข้าวโพด 30 กรัม
- เนื้อทุเรียนบด 100 กรัม
- เนยสดรสเค็ม 100 กรัม
ส่วนผสม บัตเตอร์ครีม
- น้ำตาลไอซิ่ง 125 กรัม (ถ้าชอบหวานกว่านี้ก็เพิ่มได้)
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- เนยสดเค็ม 170 กรัม
- เนยขาว 120 กรัม
- สีผสมอาหาร ได้แก่ สีเขียวแก่ สีเหลือง สีน้ำตาล (สามารถเติมสีแดงได้นิดหน่อยค่ะ)
หมายเหตุ : สูตรนี้สำหรับพิมพ์ 1 ปอนด์ จำนวน 2 พิมพ์ (ตัวเนื้อเค้กจะแน่น ๆ หน่อย สำหรับรองรับการแต่งหน้าเค้กเลย)
วิธีทำเค้กทุเรียน
- ทำเนื้อเค้กโดยตีเนย น้ำตาลไอซิ่ง และสารเสริมคุณภาพ SP จนเนยขึ้นฟู ใส่ไข่ลงไปทีละฟองแล้วตีจนเข้ากัน เติมนมสด น้ำมันมะพร้าว กลิ่นวานิลลา และเนื้อทุเรียนบด จากนั้นตีให้เข้ากัน ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูและเกลือป่นลงไป ตีจนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ขนาด 1 ปอนด์ จำนวน 2 พิมพ์ เคาะไล่ฟองอากาศ จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
- พออบเสร็จแล้ว นำออกจากพิมพ์พักบนตะแกรงจนเย็นสนิท แล้วนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมง
- มาทำคัสตาร์ดทุเรียนกันต่อเลย ก่อนอื่นต้มนมให้เดือด
- ระหว่างนั้นให้ตีไข่ไก่ ไข่แดง และน้ำตาลทรายจนไข่สีอ่อนลง จากนั้นใส่แป้งข้าวโพดลงไปตะล่อมจนเข้ากัน
- พอนมเดือดเทนมใส่บางส่วนแล้วรีบคนให้เข้ากัน จากนั้นเทส่วนผสมลงหม้อ คนต่อด้วยไฟอ่อน พอส่วนผสมข้นขึ้นก็ใส่เนื้อทุเรียนบดคนให้เข้ากัน ดับเตาแล้วใส่เนยลงไปคนจนเข้ากัน เทใส่ภาชนะ พักไว้จนเย็นสนิท
- ทำบัตเตอร์ครีมโดยละลายน้ำตาลไอซิ่งกับเกลือ ด้วยน้ำร้อน 1/4 ถ้วยตวง พักไว้ให้เย็น
- ตีเนยสดกับเนยขาวจนขึ้นฟู ตีด้วยความเร็วต่ำ ประมาณ 3-5 นาที แล้วใส่น้ำตาลไอซิ่งกับเกลือที่ละลายไว้ลงไปตีด้วยความเร็วต่ำอีกประมาณ 3-5 นาที
- พอคัสตาร์ดเย็นลง แบ่งคัสตาร์ดมาครึ่งหนึ่ง แล้วตีจนเนื้อเนียน
- จากนั้นตักบัตเตอร์ครีมมา 1/3 ส่วน แล้วตะล่อมให้เข้ากัน (ในวิธีทำใช้แค่ครึ่งเดียว แต่จริงแล้วก็สามารถเอามาผสมกับบัตเตอร์ครีมทั้งหมดได้ แต่ที่ไม่ได้เอาไปผสมกับในส่วนของสีเขียวเพราะว่าป้าต้องการการคงรูปเวลาบีบหนาม)
- นำเค้ก 2 ก้อน มาแบ่งเป็น 2 ส่วน จะได้ทั้งหมด 4 ชิ้น
- นำครีมบัตเตอร์ที่ผสมคัสตาร์ดทุเรียนปาดให้ทั่ว วางชิ้นต่อไปประกบจนครบ 4 ชั้น แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้ครีมเซตตัวอีก 30 นาที
- บัตเตอร์ครีม 2/3 ที่เหลือ ผสมสีเขียวลงไป แต่เราอยากได้สีเขียวขี้ม้าที่มีความใกล้เคียงกับเปลือกทุเรียนจริง ๆ ก็เลยผสมสีเหลือง และสีน้ำตาลลงไปด้วย ค่อย ๆ ผสม ดูจนได้สีที่พอใจ พอครีมเซตตัวแล้วก็จะนำเค้กมาตัดแต่งรูปทรงเป็นลูกทุเรียน พูเล็กพูใหญ่แล้วแต่ชอบเลย พอได้รูปทรงที่ต้องการแล้วก็ปาดครีมสีเขียวรองพื้นให้ทั่ว จากนั้นก็จะบีบหนามโดยใช้หัวบีบวงกลมเบอร์ 12 ตามซอกป้าจะบีบหนามเล็ก ๆ โดยตัดปากถุงให้รูเล็กหน่อย ส่วนก้านทำจากฟองดองผสมสีน้ำตาล
9. เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม
เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม เป็นอีกเมนูเค้กยอดนิยม เนื้อเค้กชิฟฟ่อนผสมโกโก้ สลับชั้นด้วยหน้านิ่มช็อกโกแลต และแต่งหน้าด้วยช็อกโกแลตหน้านิ่ม
ส่วนผสม เค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต (พิมพ์ขนาด 3 ปอนด์)
ส่วนผสม ไข่แดง
- ไข่แดง 6 ฟอง
- น้ำตาลทราย 30 กรัม
- นม 80 กรัม
- น้ำมันพืช 65 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 90 กรัม
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- ผงโกโก้ 20 กรัม
- เกลือเล็กน้อย
ส่วนผสม ไข่ขาว
- ไข่ขาว 6 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
ส่วนผสม หน้านิ่ม
- ผงวุ้น 1 ช้อนชา
- น้ำ 250 กรัม
- ผงโกโก้ 30 กรัม
- แป้งข้าวโพด 30 กรัม
- นมสดหรือนมจืด 250 กรัม
- น้ำตาลทราย 160 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- เนยสดเค็ม 70 กรัม
วิธีทำชิฟฟ่อนช็อกโกแลต
- ตีไข่แดงพอแตก ใส่น้ำตาลทรายลงไปตีจนเข้ากัน เติมนมกับน้ำมันพืชแล้วคนจนเข้ากัน เติมกลิ่นวานิลลาแล้วคนจนเข้ากัน ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟู ผงโกโก้ และเกลือลงไป ตะล่อมจนเข้ากัน แต่อย่านานมาก เพราะเค้กจะเหนียวได้
- ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์จนเป็นฟองหยาบ แล้วค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอดอ่อนถึงกลาง อย่าตีจนตั้งยอดแข็ง เวลาเอาไปผสมกับส่วนของไข่แดงจะทำให้คนเข้ากันยากมาก เพราะต้องใช้เวลาตะล่อมนาน ทำให้ฟองอากาศยุบตัวเยอะ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เค้กไม่ฟู พอตั้งยอดแล้วก็ตักเมอแรงค์ไข่ขาวสัก 1/3 ส่วนมาตะล่อมกับส่วนผสมของไข่แดง ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน หลังจากนั้นก็ใส่เมอแรงค์ไข่ขาวส่วนที่เหลือลงไปจนหมด แล้วตะล่อมจนเข้ากันดี
- พอเข้ากันแล้วเทใส่พิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ที่เตรียมไว้ เคาะพิมพ์เบา ๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วนำไปอบบนถาดที่เทน้ำร้อนเตรียมไว้ที่อุณหภูมิ 140-150 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 60 นาที ใครชอบหน้าเข้มกว่านั้นก็เพิ่มอุณหภูมิเป็น 160 องศาเซลเซียสก็ได้ ต้องดูเตาอบบ้านแต่ละคนด้วย ไม่เช่นนั้นหน้าอาจจะไหม้ก่อน พออบเสร็จแล้วก็พักไว้ในพิมพ์ก่อนประมาณ 10-15 นาที แล้วนำเค้กออกมาพักบนตะแกรง
วิธีทำเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม
- ผสมผงวุ้นกับน้ำแล้วพักไว้ 10 นาที หลังจากนั้นนำผงโกโก้และแป้งข้าวโพดเทลงชามผสม ใช้ตะกร้อคนให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เติมนมลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่น้ำตาลทรายกับกลิ่นวานิลลาลงไปผสมจนเข้ากัน
- นำหม้อที่ผสมน้ำกับผงวุ้นพักไว้ตั้งไฟกลางจนเดือดและผงวุ้นละลาย หลังจากนั้นนำส่วนผสมช็อกโกแลตเมื่อสักครู่เทลงไป คนจนข้นขึ้น พอข้นแล้วก็ดับเตาแล้วเติมเนยลงไป คนให้เข้ากัน นำออกมาคนต่อข้างนอก อย่าคนเร็วหรือแรงไปเพราะจะทำให้เกิดฟองอากาศเยอะนะคะ ถ้าอยากให้อุ่นเร็วก็นำไปคนในชามน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัดค่ะ
- พออุ่นแล้วก็ราดลงแผ่นเค้กที่หั่นแบ่งครึ่งเตรียมไว้ ปาดให้ทั่วเค้ก พักให้เซตตัวสัก 5 นาที หลังจากนั้นก็นำอีกแผ่นมาประกบเข้าด้วยกัน
- ปาดด้านข้างให้เรียบ แล้วนำหน้านิ่มส่วนที่เหลือราดหน้าลงไป แล้วใช้ไม้ปลายแหลมเจาะฟองอากาศ เพื่อให้หน้าเรียบสวยงาม พักให้เซตตัวสัก 30 นาที หลังจากนั้นก็นำมาตัดเสิร์ฟได้
10. เค้กฝอยทองลาวา
อินเทรนด์ไปกับเมนูเค้กฝอยทองลาวา จุดเด่นคือ ฝอยทองสีส้มสลับสีกับฝอยทองสีเขียว และใส่ซอสมะพร้าวอ่อนไว้ตรงกลาง แต่งหน้าเพิ่มด้วยทองหยอด
เค้กชิฟฟ่อน สำหรับพิมพ์ทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 7 นิ้ว
ส่วนผสม ไข่แดง
- ไข่แดง 4 ฟอง (ไข่ไก่เบอร์ 2)
- น้ำตาลทราย 45 กรัม
- น้ำหรือน้ำใบเตยคั้น 80 กรัม
- น้ำมันพืช 50 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 100 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เกลือป่นเล็กน้อย
ส่วนผสม ไข่ขาว
- ไข่ขาว 4 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
ส่วนผสม ซอสมะพร้าว (สำหรับเค้ก 2-3 ก้อน)
- น้ำมะพร้าว 325 กรัม
- กะทิ 250 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 120 กรัม
- แป้งกวนไส้หรือแป้งข้าวโพด 35-40 กรัม
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 175-200 กรัม
- เนยสดเค็ม 35 กรัม
ส่วนผสม วิปปิ้งครีม
- วิปปิ้งครีม 250 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 35 กรัม
ส่วนผสม สำหรับแต่งเค้ก
- ฝอยทองใบเตย
- ฝอยทอง
- ทองหยอด
วิธีทำเค้กฝอยทองลาวา
- ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายจนน้ำตาลทรายละลาย พอเข้ากันแล้วใส่น้ำ น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลาลงไป ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูกับเกลือป่น (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน
- ทำส่วนผสมไข่ขาว โดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีพอเข้ากัน ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เคาะไล่ฟองอากาศ นำเข้าอบอุณหภูมิ 150 -160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 45-50 นาที พออบเสร็จแล้วให้คว่ำพิมพ์ พักจนเย็นสนิทแล้วค่อยนำเค้กออกจากพิมพ์
- ทำส่วนผสมซอสมะพร้าวอ่อน โดยเทน้ำมะพร้าว กะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย และแป้งข้าวโพดหรือแป้งกวนไส้ลงไปในหม้อ คนให้ทุกอย่างละลายเข้ากัน พอละลายเข้ากันแล้ว เปิดเตากวนด้วยไฟอ่อนจนซอสเริ่มข้น จากนั้นเทเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป กวนต่ออีก 1 นาทีแล้วก็ดับเตาได้ค่ะ ใส่เนยลงไป คนจนเข้ากัน แล้วเทใส่ชามปิดฝาหรือแรปพลาสติก พักให้เย็นสนิท
- ทำส่วนผสมวิปปิ้งครีม โดยตีวิปปิ้งครีมกับไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง บีบวิปครีมให้ทั่วเค้ก วางฝอยทองรอบตัวเค้ก โดยสลับสีกัน ตกแต่งให้รูปทรงสวยงาม เทซอสมะพร้าวอ่อนลงไปในรูตรงกลาง ตกแต่งให้สวยงามเพิ่มความอร่อยด้วยทองหยอด
11. เค้กฝอยทองใบเตยลาวา
สูตรเค้กฝอยทองลาวาทั่วไปก็ทำบ่อยแล้ว ลองเปลี่ยนมาทำเค้กฝอยทองใบเตยลาวาสักครั้งดีไหม สูตรนี้แต่งหน้าด้วยฝอยทองใบเตยสีเขียว และหยอดซอสมะพร้าวอ่อน ปรับลดความหวานตามชอบได้เลยจ้า
เค้กชิฟฟ่อน สำหรับพิมพ์ทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 7 นิ้ว
ส่วนผสม ไข่แดง
- ไข่แดง 4 ฟอง (ไข่ไก่เบอร์ 2)
- น้ำตาลทราย 45 กรัม
- น้ำหรือน้ำใบเตยคั้น 80 กรัม
- น้ำมันพืช 50 กรัม
- กลิ่นใบเตย 1/2 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 100 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เกลือป่นเล็กน้อย
ส่วนผสม ไข่ขาว
- ไข่ขาว 4 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
ส่วนผสม ซอสมะพร้าวอ่อน (สำหรับเค้ก 2-3 ก้อนค่ะ)
- น้ำมะพร้าว 325 กรัม
- กะทิ 250 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 120 กรัม
- แป้งกวนไส้หรือแป้งข้าวโพด 35-40 กรัม
- เนยสดเค็ม 35 กรัม
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 175-200 กรัม
ส่วนผสม วิปปิ้งครีม
- วิปปิ้งครีม 250 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 35 กรัม
ส่วนผสม สำหรับแต่งเค้ก
- ฝอยทองใบเตยหรือฝอยทองหยก 300 กรัม
วิธีทำเค้กฝอยทองลาวา
- ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายจนน้ำตาลทรายละลาย พอเข้ากันแล้วใส่น้ำใบเตยคั้น น้ำมันพืช และกลิ่นใบเตยลงไป ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูกับเกลือป่น (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน
- ทำส่วนผสมไข่ขาว โดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีพอเข้ากัน ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เคาะไล่ฟองอากาศ นำเข้าอบอุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 45-50 นาที พออบเสร็จแล้วให้คว่ำพิมพ์ พักจนเย็นสนิทแล้วค่อยนำเค้กออกจากพิมพ์
- ทำส่วนผสมซอสมะพร้าวอ่อน โดยเทน้ำมะพร้าว กะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย แป้งข้าวโพดหรือแป้งกวนไส้ลงไปในหม้อ คนให้ทุกอย่างละลายเข้ากัน พอละลายเข้ากันแล้ว เปิดเตากวนด้วยไฟอ่อนจนซอสเริ่มข้น จากนั้นเทเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป กวนต่ออีก 1 นาทีแล้วก็ดับเตาได้ค่ะ ใส่เนยลงไป คนจนเข้ากัน แล้วเทใส่ชามปิดฝาหรือแรปพลาสติก พักให้เย็นสนิท
- พอเค้กเย็นแล้ว ตีวิปปิ้งครีมกับไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง สามารถเพิ่มความหอมด้วยกลิ่นมะพร้าวน้ำหอมได้อีก ปาดวิปครีมให้ทั่วเค้ก วางฝอยทองรอบตัวเค้ก ตกแต่งให้รูปทรงสวยงาม เทซอสมะพร้าวอ่อนลงไปในรูตรงกลาง เสร็จแล้ว
12. เค้กกล้วยหอม
ใครมีกล้วยหอมสุกงอมเหลือ ๆ ครั้นจะทิ้งก็เสียดาย ถ้าเช่นนั้นจับมาทำเค้กกล้วยหอมกันเถอะ สูตรนี้ใส่เนยและกลิ่นวานิลลา ผสมกับกล้วยหอมสุกบด หยอดใส่พิมพ์แล้วนำไปอบจนสุก
ส่วนผสม เค้กกล้วยหอม
- เนยเค็ม 250 กรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จะได้นิ่มเร็ว ๆ)
- น้ำตาลทรายละเอียด 1+1/2 ถ้วย (ถ้ากล้วยงอมมากลดเหลือแค่ 1 ถ้วย)
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- นมสด 4 ช้อนโต๊ะ
- กล้วยหอมสุกบด 1+1/2 ถ้วย (ไม่ต้องละเอียดมากเวลากินแล้วมีเนื้อสัมผัส)
- แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการเตรียม
- อร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ (ถ้าตามสูตรจะใช้ 160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟล่าง แต่ในสูตรทำเป็นถ้วยมัฟฟินก็เลยใช้อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง)
- เตรียมพิมพ์ให้เรียบร้อย
- ใช้ส้อมบดกล้วยแล้วเติมนมสด และกลิ่นวานิลลาลงไป คนผสมให้เข้ากัน
- ผสมแป้งกับผงฟูและเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
วิธีทำเค้กกล้วยหอม
- ตีเนยด้วยตะกร้อมือให้ขึ้นฟูจนเป็นสีขาวนวล ทยอยใส่น้ำตาลทรายป่นละเอียดลงไป แบ่งใส่สัก 2-3 ครั้ง แล้วตีผสมให้เข้ากัน
- ใส่ไข่ไก่ลงไปตีทีละฟอง พอหมดลิ่มไข่ก็ใส่ใบต่อไปได้เลยจนครบ 4 ฟอง
- ใส่ส่วนผสมกล้วยบดลงไปตีผสมให้เข้ากัน
- ใส่ส่วนผสมแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดาลงไป ค่อย ๆ ตะล่อมเบาจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่พิมพ์มัฟฟินที่เตรียมไว้ นำเข้าเตาอบประมาณ 15-20 นาที (แล้วแต่ขนาดของพิมพ์แล้วก็เตาอบแต่ละบ้าน เช็กว่าสุกหรือยังก็ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไป ไม่มีเศษแป้งติดมาก็ถือว่าเรียบร้อย สูตรนี้ใช้พิมพ์มัฟฟินได้ 34 ชิ้น) นำออกจากเตา วางพักทิ้งไว้ให้เย็นลง แกะออกจากพิมพ์
13. เค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด
หน้ามะพร้าวถูกต้องเจอกับเมนูเค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด ตัวเค้กใส่น้ำมะพร้าวและกะทิเพิ่มความหอมมัน ส่วนไส้ครีมมะพร้าวใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน น้ำมะพร้าว และกะทิ พอแช่เย็นจนเซตตัวก็เสิร์ฟได้เลยค่ะ
ส่วนผสม ตัวเค้กมะพร้าวอ่อน
- แป้งเค้ก 60 กรัม
- ผงฟู 1/4+1/8 ช้อนชา
- น้ำตาลทรายป่น 35 กรัม
- เกลือป่น 1/4+1/8 ช้อนชา
- กะทิ 22 กรัม
- ไข่แดง 2 ฟอง
- น้ำมันพืช 22 กรัม
- น้ำมะพร้าว 16 กรัม
- ไข่ขาว 2 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ ปลายช้อน
ส่วนผสม ไส้ครีมมะพร้าวอ่อน
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 1 ลูก
- น้ำตาลทราย 25 กรัม
- กะทิกล่อง 125 มิลลิลิตร
- น้ำมะพร้าว 75 มิลลิลิตร
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- แป้งถั่วเขียว 30 กรัม
- เนยสด 15 กรัม
ส่วนผสม ครีมสด (สำหรับปาดหน้าเค้ก)
- วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนชา
- น้ำมะพร้าว 1 ช้อนชา
วิธีทำเค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด
- ทำไส้ครีมมะพร้าวอ่อน โดยผสมเนื้อมะพร้าวอ่อน น้ำตาลทราย กะทิกล่อง น้ำมะพร้าว เกลือ และแป้งถั่วเขียวมาผสมกัน ตั้งไฟอย่าให้แรงมากแล้วก็คนเรื่อย ๆ เมื่อคนจนข้นได้ที่ก็ปิดไฟ แล้วใส่เนยสดลงไป คนให้ละลายพอดีกัน
- ขูดมะพร้าวอ่อนให้เป็นเส้น ๆ จากนั้นก็นำมาหั่นตามชอบ พักทิ้งไว้
- ทำเค้กมะพร้าวอ่อน โดยร่อนแป้งกับผงฟูอย่างน้อย 2 รอบ
- ผสมส่วนผสมของเหลวเข้าด้วยกัน เทส่วนผสมแป้งลงไปในของเหลวแล้วคนเร็ว ๆ ให้เข้ากัน พอเข้ากันแล้วให้หยุดคน ไม่เช่นนั้นเค้กจะเหนียว
- ตีไข่ขาวให้พอขึ้นฟอง จากนั้นใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทีละน้อย ตีจนไข่ขาวตั้งยอดปานกลางเกือบแข็ง
- นำส่วนผสมไข่ขาวมาผสมกับแป้งที่ร่อนเตรียมไว้ คนผสมจนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ นำเข้าอบประมาณ 20 นาที เช็กความสุกโดยการใช้มีดปลายแหลมจิ้มไปตรงกลาง ไม่มีอะไรติดออกมาแสดงว่าสุกแล้ว
- ทำครีมสดโดยผสมทุกอย่างให้เข้ากัน และตีให้ขึ้นฟู
- หั่นเค้กเป็น 2 ชั้น ปาดไส้มะพร้าวลงไปตามชอบ จากนั้นก็ประกบเค้กทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน ทาครีมสดให้ทั่วหน้าเค้ก และราดเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปอีกที จากนั้นนำไปแช่เย็นให้แข็งตัว
14. เค้กกาแฟ
เค้กกาแฟ เมนูเค้กยอดนิยมของคอกาแฟ ตัวเค้กใส่ผงกาแฟผสมกับกลิ่นกาแฟ ส่วนวิปครีมใส่ผงกาแฟด้วย ตัดด้วยลายเส้นจากช็อกโกแลตกานาช
ส่วนผสม เค้กสปันจ์กาแฟ (สำหรับพิมพ์ 2 ปอนด์)
- ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 60-70 กรัม
- สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 8 กรัม
- นมสดหรือนมจืด 25 กรัม
- น้ำร้อน 25 กรัม
- กลิ่นกาแฟ 1/2 ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีน้ำตาล 15-20 หยด
- แป้งเค้ก 60 กรัม
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- ผงกาแฟ 3 in 1 15 กรัม (หรือผงกาแฟสำเร็จรูป 5 กรัม สามารถนำไปละลายในส่วนของน้ำร้อน 25 กรัม แล้วพักให้เย็น)
- เนยเค็มละลาย 60 กรัม
ส่วนผสม วิปครีมกาแฟ
- วิปปิ้งครีม 300 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
- ผงกาแฟสำเร็จรูป 1 ช้อนชา
- น้ำร้อน 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม ช็อกโกแลตกานาช
- ดาร์กช็อกโกแลต 50 กรัม
- วิปปิ้งครีม 30 กรัม
วิธีทำเค้กกาแฟ
- ทำเค้กสปันจ์กาแฟ โดยตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพ ตีจนไข่ฟูมีสีขาวนวล
- ใส่นมลงไป ตามด้วยน้ำ จากนั้นเติมกลิ่นกาแฟและสีผสมอาหารสีน้ำตาลลงไปสัก 20 หยด ตีไปสัก 5-10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้น 2-3 เท่า (Ribbon Stage) เวลายกตะกร้อแล้วส่วนผสมที่หยดลงมาไม่จมลงโถ จะลอยอยู่เหนือผิวหน้าด้านบน
- ใส่แป้งที่ร่อนกับผงฟูและผงกาแฟลงไป (แนะนำให้ร่อนสัก 2 รอบนะคะ เค้กจะได้เบานุ่มยิ่งขึ้น) เอาตะกร้อตะล่อมเบา ๆ ก่อน แป้งจะได้ไม่ฟุ้งค่ะ หลังจากนั้นก็ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี ลองเช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีให้ทำขั้นตอนต่อไป คือ ค่อย ๆ ใส่เนยละลายลงไป อย่าใส่ทีเดียวหมดนะคะ ระวังเค้กจะเป็นไต หลังจากใส่เนยหมด ก็ตีต่ออีก 3-5 นาที
- พอครบ 5 นาทีแล้วอย่าลืมเช็กก้นโถว่า มีเนยนอนก้นหรือไม่ ถ้าไม่มีก็เทใส่พิมพ์ เคาะพิมพ์ไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30-35 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม พออบเสร็จแล้ว พักไว้บนตะแกรงจนเย็นสนิท และนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้เค้กเซตตัวก่อนนำมาแต่งหน้าสัก 2 ชั่วโมง
- พอเค้กเซตตัวแล้วมาทำวิปครีม โดยตีวิปครีมกับน้ำตาลไอซิ่งจนขึ้นฟู แล้วเติมผงกาแฟที่ละลายกับน้ำร้อนจนเย็นแล้วลงไป ตีต่อจนตั้งยอดแข็ง
- แบ่งเค้กเป็น 2 ส่วน ปาดครีมบนเค้กชิ้นล่างให้ทั่วแล้วเอาเค้กชิ้นบนมาประกบ ปาดครีมให้ทั่ว นำไปแช่ตู้เย็นพักไว้
- ทำช็อกโกแลตกานาช โดยนำวิปปิ้งครีมกับดาร์กช็อกโกแลตเข้าไมโครเวฟ ประมาณ 1 นาที นำออกมาคนให้เข้ากัน พักให้อุ่นลงแล้วนำไปใส่ถุงบีบ ถ้าไม่มีก็ใช้ถุงแกงธรรมดาก็ได้
- บีบช็อกโกแลตกานาชแต่งวาดลายเค้ก หรือแล้วแต่จินตนาการเลย บีบวิปครีมแต่งตามชอบ พอเสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เค้กเซตตัวประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วค่อยนำมาตัด
15. เครปเค้ก
แค่มีกระทะเทฟลอนก็ทำได้แล้วสำหรับเมนูเครปเค้ก สูตรเค้กยอดนิยมทำง่าย พอผสมแป้งเครปกับสีผสมอาหารเรียบร้อยก็หยอดเป็นแผ่นกลมรอจนสุก แล้ววางซ้อนเป็นชั้นสลับกับวิปครีม
ส่วนผสม แป้งเครป
- ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 4 ฟอง
- น้ำตาลทราย 70 กรัม
- แป้งเค้ก 200 กรัม
- เนยเค็มละลาย 100 กรัม
- นมจืดอุ่น 600 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีม่วง สีเหลือง สีเขียว และสีฟ้า
- ผลไม้สดตามชอบ
- สตรอว์เบอร์รี สำหรับแต่ง
ส่วนผสม วิปครีม
- วิปปิ้งครีม 650 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 110 กรัม
วิธีทำเครปเค้ก
- ทำแป้งเครป โดยตีไข่กับน้ำตาลทราย หลังจากนั้นเติมเนยละลายแล้วค่อย ๆ เติมนมอุ่นลงไป ตามด้วยกลิ่นวานิลลา ตีต่อจนเข้ากัน
- เติมแป้งลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากัน แต่อย่านานมากเดี๋ยวแป้งจะเหนียวค่ะ หลังจากนั้นนำมากรองใส่อ่าง คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารพักในตู้เย็นอย่างต่ำ 5 ชั่วโมงหรือข้ามคืน
- พอพักไว้ข้ามคืนแล้วก็แบ่งออกเป็น 4 ถ้วย ใส่สีผสมอาหารแต่ละสีที่เตรียมไว้ลงไป คนผสมจนเข้ากันแล้วตักหยอดบนกระทะใช้ไฟอ่อน กลิ้งแป้งบาง ๆ ให้ทั่วกระทะ รอจนสุกแล้วค่อย ๆ ใช้ไม้พายแซะตรงขอบ ตักขึ้นมาคว่ำพักไว้บนตะแกรง
- ทำจนหมดแป้งและพักไว้จนเย็นสนิทแล้วตัดเป็นทรงกลมให้สวยงามเท่ากัน แต่ละชั้นจะใช้แป้งเครปสีละ 4 แผ่น รวม 16 ชั้น และชั้นผลไม้ระหว่างชั้นแต่ละสีอีก 3 ชั้น รวมทั้งหมด 19 ชั้น
- ทำวิปครีม โดยตีวิปปิ้งครีมกับไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง เสร็จแล้วนำวิปครีมมาปาดลงบนแผ่นเครปทีละชั้นจนถึงแผ่นที่ 4 พอชั้นถัดมาก็นำปาดครีมและวางผลไม้ ทำแบบนี้จนครบทุกสี แนะนำว่าหาแผ่นอะไรก็ได้ที่เรียบมากดเวลาเพิ่มแต่ละชั้น หน้าจะได้เรียบสวยงามนะคะ (สีสุดท้ายป้าทำได้แค่ 2 ชั้น เพราะปาดวิปครีมชั้นแรก ๆ หนาไปเลยไม่พอ 2 แผ่นสุดท้าย)
- ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีด้านบนเพื่อความสวยงาม แช่ตู้เย็นหาฝาครอบ พักให้ครีมเซตตัวสัก 2-3 ชั่วโมง (ผลไม้จะวางตอนจะเสิร์ฟก็ได้) จากนั้นก็นำมาตัดเสิร์ฟ
16. คัพเค้กเรดเวลเวท
เซอร์ไพรส์วันเกิดคนพิเศษด้วยเมนูคัพเค้กเรด เวลเว็ท เค้กยอดนิยมสีแดงสวย ตัวเค้กใส่ผงโกโก้ สีผสมอาหารสีแดง และกลิ่นวานิลลา แต่งหน้าตามชอบ
ส่วนผสม แป้งเค้ก
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ร่อนแล้วตวง) 3+1/2 ถ้วย
- เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชา
- เกลือป่น 1+1/2 ช้อนชา
- ผงโกโก้ 1/4 ถ้วย
- ไข่ไก่ ขนาดใหญ่ 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 1+3/4 ถ้วย
- น้ำมันดอกคาโนลา 2 ถ้วย
- กลิ่นวานิลลา 1+1/2 ช้อนชา
- บัตเตอร์มิลค์ 1+1/3 ถ้วย
- น้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีแดง 1 ออนซ์
- พิมพ์คัพเค้ก 24 ถ้วยหมายเหตุ :
1. เค้กกำมะหยี่นี้ตามปกติเค้าใส่น้ำส้มสายชูลงไปด้วย จะทำให้เค้กฟู นุ่ม ชุ่มละมุนละไม เพราะน้ำส้มสายชูจะไปทำปฏิกิริยากับเบกกิ้งโซดา ทำให้เกิดฟองอากาศเล็ก ๆ ในส่วนผสม ขณะที่เราตะล่อมส่วนผสมอยู่จะทำให้เค้กที่ได้เบา ฟูฟ่อง นุ่ม นวลเนียนดุจดังแพรกำมะหยี่
2. ถ้าไม่มีบัตเตอร์มิลค์ ให้ใช้นมสดจืด 1+1/3 ถ้วย ผสมน้ำมะนาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ส่วนผสมจะข้นขึ้น หรือใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ขนาด 4-6 ออนซ์ ผสมกับนมให้ได้ปริมาณเท่าบัตเตอร์มิลค์ 1+1/3 ถ้วย
3. ใช้น้ำมันคาโนลา หรือน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน จะได้ไม่มีกลิ่นน้ำมันติดขนม
4. สีผสมอาหารสีแดงในสูตรต้นฉบับใช้ 3 ออนซ์ แต่เจ้าของกระทู้ใช้ 1 ออนซ์ สีก็แดงอย่างสุดขีดแล้ว หรือจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ก็อาจเป็นไปได้
วิธีทำเค้กเรดเวลเวท
- เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
- ร่อนแป้ง เกลือ และเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน พักไว้ก่อน
- ตอกไข่ไก่ใส่ลงในอ่างผสมขนาดใหญ่ จากนั้นตีด้วยตะกร้อไฟฟ้า ใช้ความเร็วปานกลางจนขึ้นฟู ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อยจนหมด ตีจนส่วนผสมข้นเป็นครีม ใช้เวลาตีประมาณ 5 นาที จากนั้นยกตะกร้อขึ้นให้ส่วนผสมไหลลงเห็นเป็นรอยพับ ค่อย ๆ เทน้ำมันใส่ลงในอ่างผสมไข่ ตีส่วนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยกลิ่นวานิลลาลงไป ส่วนผสมที่ได้จะข้น ๆ
- ใส่สีผสมอาหารสีแดงลงไปทั้งหมด ตีส่วนผสมให้เข้ากันดี แล้วใส่น้ำส้มสายชูลงไป ใส่ส่วนผสมแป้งครึ่งหนึ่งลงในอ่างผสมไข่ ตะล่อมส่วนผสมพอเข้ากัน ใส่บัตเตอร์มิลค์ลงไป ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วใส่แป้งที่เหลือลงไปจนหมด ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากัน (การตะล่อมแป้งตะล่อมเบา ๆ แต่ให้ทำไว ๆ)
- ค่อย ๆ ตักส่วนผสมใส่ในลงพิมพ์กระดาษ (จริง ๆ ต้องได้ทั้งหมด 24 ถ้วย แต่วันนี้มือหนักไปหน่อย ทำได้ 22 ถ้วย) จากนั้นนำเข้าเตาอบ นานประมาณ 23-25 นาที หรือจนเค้กสุก (โดยใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มดู ให้จิ้มไม้ลงไปตรงกลางเค้ก ถ้าไม่มีเศษแป้งติดไม้ก็แสดงว่าเค้กสุกแล้ว) นำออกจากเตาอบ พักบนตะแกรงให้เค้กคลายความร้อนก่อนประมาณ 10 นาที จึงนำออกจากถาด วางพักให้เค้กเย็นบนตะแกรง
ไม่น่าเลย ! ตบะแตกพอเห็นเมนูเค้กยอดนิยม โดยเฉพาะเค้กทุเรียนหนามเยอะ หน้าตาเหมือนของจริงเลย และใส่เนื้อทุเรียนของแท้ด้วย ขอลองทำเป็นเมนูแรกเลยดีกว่า