16 เมนูเค้กยอดนิยม สูตรเค้กอร่อยหลากแบบหวานนุ่มพร้อมอ้วน

แจกฟรี ! เมนูเค้กยอดนิยม สูตรขนมแห่งยุค มีให้เลือกทำหลากหลาย เนื้อนุ่มเต็มปากเต็มคำ แล้วเราจะอ้วนไปด้วยกันเนอะ

สูตรเค้กยอดนิยม 2018 มีอะไรบ้าง ? ใครอยากได้สูตรเค้กง่าย ๆ และอร่อย ทำกินก็ดี ทำแจกก็ได้ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเมนูเค้กยอดนิยม เช่น สูตรเค้กไข่ไต้หวัน สูตรเค้กลูกส้ม สูตรเครปเค้ก สูตรเค้กทุเรียน เป็นต้น ลงมือทำกันเลยเถอะ จะได้กินก่อนใครเพื่อน

1. เค้กไข่ไต้หวัน

          เมนูเค้กยอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่ผุดเป็นดอกเห็ดตามท้องตลาดนั่นคือ เค้กไข่ไต้หวัน สูตรนี้เป็นรสต้นตำรับหอมกลิ่นไข่ เนื้อนุ่มเด้งกินอร่อยลื่นคอ ทั้งนี้สามารถดัดแปลงเป็นเค้กไข่ไต้หวันรสชีส รสชาเขียว หรือรสช็อกโกแลตได้ตามชอบ

เค้กไข่ไต้หวัน สำหรับพิมพ์ขนาดกว้าง 7 x ยาว 11 x สูง 2 นิ้ว

ส่วนผสม ไข่แดง

  • ไข่แดง (เบอร์ 2) 7 ฟอง
  • แป้งเค้ก 150 กรัม
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • นมข้นจืด 145 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช 100 กรัม

ส่วนผสม ไข่ขาว

  • ไข่ขาว (เบอร์ 2) 7 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ (หรือน้ำมะนาว) 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 100-120 กรัม (สามารถเพิ่ม-ลดน้ำตาลได้ค่ะ)
  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา

วิธีทำเค้กไข่ไต้หวัน

  1.      1. แยกไข่แดงกับไข่ขาว เตรียมไว้
  2. หลังจากนั้นทำส่วนผสมไข่แดงโดยร่อนแป้งเค้กกับเกลือป่น ถ้าอยากได้เค้กที่เนื้อละเอียดก็ร่อนสัก 2 รอบ การร่อนแป้งจะทำให้กรองเศษฝุ่น และระหว่างที่ร่อนแป้ง อากาศจะเข้าแทรกระหว่างเนื้อแป้งทำให้แป้งฟูและเบาขึ้นไปอีก
  3. จากนั้นก็ตวงส่วนผสมที่เป็นของเหลว ได้แก่ นมข้นจืด และน้ำมันพืช น้ำตาลทราย และแยกไข่เอาไว้
  4. เทน้ำมันพืชใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนน้ำมันร้อน เสร็จแล้วปิดเตา (หรือนำน้ำมันพืชเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที) จากนั้นใส่แป้งเค้กลงไปผสมกับน้ำมัน ขั้นตอนนี้ทำให้เค้กมีความนุ่มและเบาโดยที่ไม่ต้องพึ่งสารเสริมใด ๆ ไขมันจะเคลือบแป้งไว้ ไม่ให้แป้งสัมผัสกับน้ำ เพราะเวลาที่แป้งสัมผัสกับน้ำหรือของเหลวจะทำให้เกิดกลูเตน กลูเตนจะมีความเหนียว ถ้าตะล่อมแป้งกับน้ำนาน ๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เค้กเหนียวได้ ใช้ไม้พายคนให้คลายร้อนลงบ้าง หลังจากนั้นใส่นมข้นจืด เพื่อเพิ่มความหอมนุ่มและรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น หลังจากนั้นคนหรือตะล่อมให้เข้ากัน ใส่ไข่แดงลงไป เพิ่มความหอมด้วยกลิ่นวานิลลา ตะล่อมให้เข้ากันและพักไว้
  5. ทำส่วนผสมไข่ขาวโดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ หลังจากนั้นใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ (ครีมออฟทาร์ทาร์จะช่วยทำให้ไข่ตีขึ้นฟูง่าย และทำให้ฟองอากาศที่ตีอัดเข้าไปมีความอยู่ตัวมากขึ้น ไม่ยุบตัวง่าย) ตีพอเข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพด (เพื่อเพิ่มความนุ่มและยืดหยุ่นให้กับเค้ก) ตีพอเข้ากัน
  6. ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป (น้ำตาลทรายแบ่งใส่สัก 3 รอบ ถ้าใส่ไปทีเดียวฟองอากาศอาจจะยุบตัวได้ และน้ำตาลก็จะละลายช้าด้วย) ตีจนตั้งยอด
  7. ตักเมอแรงค์หรือไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามส่วนผสมไข่แดง (ถ้าใส่ไปทีเดียวหมดจะผสมเข้ากันยากกว่า และทำให้เสียฟองอากาศเยอะ เป็นสาเหตุที่ทำให้เค้กไม่ขึ้นฟู) ตะล่อมเบาจนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ (พิมพ์รองด้วยกระดาษไข ก่อนเอากระดาษไขรองอย่าลืมทาไขมันหรือเนยบนถาดด้วย) เคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง ถ้ายังมีฟองอยู่ก็เอาไม้จิ้มฟันเจาะฟองออก เค้กอบมาหน้าจะได้สวย ๆ ไม่มีรูพรุน
  8. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส บนถาดน้ำร้อน อบเป็นเวลา 35-40 นาที แล้วแต่เตาแต่ละบ้านด้วยนะคะ บางเตาอาจจะอบนานถึง 50 นาทีเลยก็ได้ (การอบบนถาดน้ำร้อนจะทำให้เค้กมีความชุ่มชื้นขึ้น) เปิดไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม หลังจากนั้นอบไล่ความชื้นเอาถาดรองน้ำร้อนออก อบต่อด้วยอุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 8-10 นาที เปิดไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม (เช็กความสุกโดยเอาไม้ปลายแหลมจิ้มลงไป ถ้าไม่มีเศษเค้กแฉะ ๆ ติดออกมา แสดงว่าเค้กสุกดีแล้ว) ถ้าไม่สะดวกรองด้วยถาดน้ำก็สามารถอบแบบธรรมดาที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30-35 นาที ค่ะ
  9. พออบเสร็จพักให้อุ่นลงประมาณ 10 นาที แล้วค่อยเอาเค้กออกจากพิมพ์ ลอกกระดาษไขออก พลิกเค้กอีกด้านขึ้นมา และตัดขนาดตามชอบ

2. บัตเตอร์เค้ก

           เมนูบัตเตอร์เค้กเป็นอีกเมนูเค้กยอดนิยมตลอดกาล เพราะด้วยเป็นเค้กเนื้อแน่นหอมเนย กินได้ทุกวัย สูตรนี้ใส่น้ำเชื่อมเพิ่มความหวานให้เนื้อเค้ก ที่ขาดไม่ได้คือเนยสด

ส่วนผสม บัตเตอร์เค้ก

  • แป้งเค้ก 330 กรัม
  • นมผง 3 ช้อนโต๊ะ
  • ผงฟู 1/4 ช้อนชา
  • ผงวานิลลา 1 ช้อนชา (ถ้าใช้แบบน้ำให้ใส่รวมไปกับส่วนผสมเหลว)
  • น้ำตาลทรายป่น 210 กรัม
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 6 ฟอง
  • น้ำ 45 กรัม
  • เอสพี (SP) 30 กรัม
  • น้ำเชื่อม 90 กรัม
  • เนยสดชนิดเค็ม 360 กรัม

ส่วนผสม น้ำเชื่อม

  • น้ำตาลทราย 500 กรัม
  • น้ำ 1 ถ้วย
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา

อุปกรณ์

  • พิมพ์อะลูมิเนียมฟอยล์ (วันนี้ใช้ฟอยล์เบอร์ 4572 จำนวน 3 พิมพ์ กับเบอร์ 4618 จำนวน 2 พิมพ์)

วิธีทำบัตเตอร์เค้ก

  1.      1. ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำตาลทราย น้ำ และครีมออฟทาร์ทาร์ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ (ไม่ต้องคน) พอเริ่มเดือด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น เตรียมไว้ (ถ้าเหลือก็ใส่ขวดเก็บในตู้เย็นไว้ใช้คราวหน้าได้)
  2. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เตรียมไว้
  3. ร่อนแป้งเค้ก นมผง ผงฟู ผงวานิลลา และน้ำตาลทรายป่นเข้าด้วยกัน ร่อนทั้งหมด 3 ครั้ง เตรียมไว้
  4. ตีผสมไข่ไก่ น้ำ และเอสพี ในโถผสมให้เข้ากัน แล้วใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไป ตีด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 5 นาที จนส่วนผสมข้น ฟู และขาว ลดเป็นความเร็วต่ำแล้วใส่น้ำเชื่อมลงไป
  5. ค่อย ๆ เทเนยละลายอุ่นๆ ลงไป ตีต่อและปาดอ่างเป็นระยะ ๆ จนส่วนผสมเข้ากันดี ปิดเครื่อง เทส่วนผสมใส่พิมพ์อลูมิเนียมฟอยล์ (ใส่พิมพ์เบอร์ 4572 ได้ 3 พิมพ์ เหลืออีกเล็กน้อยเทใส่พิมพ์เบอร์ 4618 ได้ 2 พิมพ์)
  6. นำเข้าอบ โดยพิมพ์เล็กใช้เวลาประมาณ 18 นาที ส่วนพิมพ์ใหญ่ใช้เวลาประมาณ 35 นาที อบจนสุก นำออกจากเตา วางพักทิ้งไว้สักครู่แล้วนำไปแช่ตู้เย็นเนื้อจะแน่นขึ้น ตัดเนื้อเค้กดูตอนอบเสร็จ สุกดี เนื้อยังไม่แน่น แต่อร่อย หลังจากแช่ตู้เย็น ผ่านมาหลายชั่วโมง เนื้อแน่นขึ้นแล้ว สวยจัง

3. เค้กฝอยทองใบเตย

          เมนูเค้กฝอยทองใบเตย เนื้อเค้กสีเขียวหอมใบเตยมาก ๆ เคี้ยวนุ่มอร่อยเพลินเลยล่ะ จะแต่งด้วยฝอยทองสีส้มหรือฝอยทองใบเตยสีเขียวก็ตามชอบเลยค่ะ

ส่วนผสม สปันจ์เค้กใบเตย (สำหรับพิมพ์ขนาด 1 ปอนด์)

  • แป้งเค้ก 50 กรัม
  • ไข่ไก่ เบอร์ 2 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 40 กรัม
  • กลิ่นใบเตย 1/2 ช้อนชา
  • น้ำใบเตยคั้น 40 กรัม
  • สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือ หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 1 ช้อนชา
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • เนยเค็มละลาย 40 กรัม
  • สีผสมอาหาร สีเขียว ประมาณ 15-20 หยด
  • ฝอยทอง 150 กรัม

วิธีทำเค้กใบเตยฝอยทอง

  1. ใส่ฝอยทองลงไปในพิมพ์ อัดให้แน่น ๆ
  2. ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี หรือโอวาเล็ต จนขึ้นฟูหรือสีไข่ดูอ่อนลง
  3. พอฟูมีสีขาวนวลขึ้นก็ใส่น้ำใบเตย กลิ่นใบเตย และสีเขียวแอปเปิลลงไป ตีประมาณ 5-10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้น 2-3 เท่า
  4. เวลายกตะกร้อแล้วส่วนผสมที่หยดลงมาไม่จมลงโถ จะลอยอยู่เหนือผิวหน้าด้านบน ใส่แป้งที่ร่อนกับผงฟูลงไป แนะนำให้ร่อนสัก 2 รอบ เค้กจะได้เบานุ่มยิ่งขึ้น เอาตะกร้อตะล่อมเบา ๆ ก่อนเปิดเครื่อง แป้งจะได้ไม่ฟุ้งค่ะ ตีประมาณ 3 นาที หลังจากนั้นก็ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี ลองเช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีให้ทำขั้นตอนต่อไป คือ ค่อย ๆ ใส่เนยละลายลงไป อย่าใส่ทีเดียวหมด ระวังเค้กจะเป็นไต หลังจากใส่เนยหมดก็ตีต่ออีก 3-5 นาที
  5. เทเค้กในไปในพิมพ์ (ก่อนนำฝอยทองใส่ลงไป ให้ทาไขมันลงไปในพิมพ์ก่อน) อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อบไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม อบบนถาดน้ำร้อน รองด้วยถาดน้ำร้อนฝอยทองจะได้ไม่ไหม้ ใช้เวลาอบ 40-45 นาที พออบเสร็จแล้ว ใช้มีดปลายแหลมแซะด้านข้าง แล้วให้คว่ำพิมพ์บนตะแกรง พักจนเย็นสนิท

4. เค้กชาไทยหน้านิ่ม

          เค้กชาไทยก็ว่าฟินแล้ว แต่ถ้าอยากฟินยิ่งกว่าขอนำเสนอเค้กชาไทยหน้านิ่ม เนื้อเค้กใส่ความหอมของน้ำชาไทย มาพร้อมวิธีทำหน้านิ่มชาไทยรสเข้มข้น

ส่วนผสม เค้กสปันจ์ชาไทย (สำหรับพิมพ์ 3 ปอนด์)

  • ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 15 กรัม
  • น้ำชาไทย 40 กรัม
  • นมสด หรือนมจืด 40 กรัม
  • กลิ่นชาไทย 1/2 ช้อนชา
  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เนยเค็มละลาย 80 กรัม (พักให้อุ่นลง อย่าใส่ตอนร้อนนะคะ)
  • สีผสมอาหารสีส้ม (ไม่ใส่ก็ได้)

ส่วนผสม หน้านิ่มชาไทย

  • ผงวุ้น 1 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 250 กรัม
  • น้ำชาไทย 250 กรัม (น้ำร้อน 300-350 กรัม+ผงชาไทย 3-5 ช้อนโต๊ะ พอกรองจนชาสีเข้มแล้วแบ่งน้ำชาไว้ส่วนหนึ่งในการทำเค้กประมาณ 40 กรัม)
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม
  • นมข้นหวาน 80 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 35 กรัม
  • นมสดหรือนมข้นจืด 100 กรัม
  • เนยสดเค็ม 70 กรัม
  • กลิ่นชาไทย 1 ช้อนชา

วิธีทำเค้กชาไทยหน้านิ่ม

  1. ผสมผงชาไทยกับน้ำร้อนแล้วพักไว้ให้สีชาแก่ขึ้น แบ่งส่วนหนึ่งไว้ผสมทำเค้ก อีกส่วนไว้ทำหน้านิ่ม
  2. ทำเค้กชาไทย โดยตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพเอสพีหรือโอวาเล็ตจนขึ้นฟูหรือสีไข่ดูอ่อนลง
  3. เติมน้ำชาที่กรองไว้ นม และกลิ่นชาไทย ตีไปสัก 5-10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้น 2-3 เท่า สังเกตจากเวลายกตะกร้อแล้วส่วนผสมที่หยดลงมาไม่จมลงโถ จะลอยอยู่เหนือผิวหน้าด้านบน
  4. ใส่แป้งที่ร่อนกับผงฟูลงไป (แนะนำให้ร่อนสัก 2 รอบนะคะ เค้กจะได้เบานุ่มยิ่งขึ้น) เอาตะกร้อตะล่อมเบา ๆ ก่อนเปิดเครื่อง แป้งจะได้ไม่ฟุ้งค่ะ ตีประมาณ 3 นาที หลังจากนั้นก็ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี ลองเช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีให้ทำขั้นตอนต่อไป คือ ค่อย ๆ ใส่เนยละลายลงไป อย่าใส่ทีเดียวหมด ระวังเค้กจะเป็นไต หลังจากใส่เนยหมดก็ตีต่ออีก 3-5 นาที
  5. พอครบ 5 นาทีแล้วอย่าลืมเช็กก้นโถว่ามีเนยนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็เทใส่พิมพ์ 3 ปอนด์ที่เตรียมไว้เลย
  6. นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อบไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม เป็นเวลา 35-40 นาที แล้วแต่เตาแต่ละบ้าน ต้องลองเช็กเตาที่บ้านอีกที พออบเสร็จแล้วพักไว้ให้เย็นสนิท และนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้เค้กเซตตัวก่อนนำมาแต่งหน้าสัก 2 ชั่วโมงหรือข้ามคืนเลยก็ได้
  7. พอเค้กเซตตัวแล้วทำชาไทยหน้านิ่มต่อเลยนะคะ ผสมผงวุ้นกับน้ำแล้วคนให้วุ้นละลาย และพักไว้ให้วุ้นเซตตัว 10 นาที
  8. ผสมน้ำตาลทรายกับนมข้นหวานลงในน้ำชาไทย คนให้เข้ากัน
  9. นำหม้อผสมผงวุ้นที่พักไว้ไปต้มจนเดือดและผงวุ้นละลายหมด หลังจากนั้นเติมส่วนผสมน้ำชาไทยลงไป คนจนเข้ากัน
  10. ผสมแป้งข้าวโพดกับนมสดหรือนมข้นจืดให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เทลงไปในหม้อ ระหว่างนี้ก็คนไปด้วย คนแป๊บเดียวหน้านิ่มก็ข้นขึ้นแล้ว คนต่ออีกสัก 20-30 วินาที แล้วดับเตา
  11. ใส่กลิ่นชาไทยและเนยสดลงไป คนจนเนยละลาย
  12. แบ่งเค้กเป็น 2 ชิ้น นำหน้านิ่มปาดบนเค้กแผ่นแรกให้ทั่ว แล้วนำอีกแผ่นมาวางประกบ ปาดด้านข้างให้เรียบร้อยแล้วราดหน้านิ่มให้ทั่วเค้ก ปาดให้สวยงาม พักให้เซตตัวในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนำมาตัดเสิร์ฟ

5. เค้กลูกส้ม

          เค้กส้มหน้านิ่มคงต้องชิดซ้ายให้กับเมนูเค้กลูกส้ม ความพิเศษคือ เค้กหน้าตาเหมือนส้มเลยค่ะ ส่วนเนื้อเค้กใส่น้ำส้มและกลิ่นส้ม พร้อมราดแยมส้มหน้านิ่มลงไปเคลือบทั้งลูก

ส่วนผสม สปันจ์เค้กส้ม (ประมาณ 10-12 ลูก)

  • ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 70-80 กรัม
  • สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 10 กรัม
  • นมสด หรือนมจืด 40 กรัม
  • น้ำส้มคั้น หรือน้ำเปล่า 40 กรัม
  • กลิ่นส้ม 1/2 ช้อนชา
  • สีผสมอาหารสีส้ม
  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เนยเค็มละลาย 80 กรัม

ส่วนผสม แยมส้มหน้านิ่ม (ซอสส้ม)

  • น้ำเปล่า 300 กรัม
  • น้ำส้มซันควิก 70 กรัม
  • น้ำตาลทราย 110 กรัม
  • แป้งข้าวโพด หรือแป้งกวนไส้ 25 กรัม
  • เนยสดรสเค็ม 30 กรัม
  • สีผสมอาหารสีส้ม

วิธีทำเค้กลูกส้ม

  1. ตีไข่ น้ำตาลทราย กับสารเสริมคุณภาพจนขึ้นฟู
  2. เติมนม น้ำส้ม กลิ่นส้ม และสีผสมอาหารสีส้ม ประมาณ 15-20 หยด หรือตามชอบ ลงไปตีต่อจนส่วนผสมทั้งหมดขึ้นฟูเบา สังเกตจากเวลายกหัวตะกร้อขึ้น ส่วนผสมหยดลงโถแล้วไม่จมลงไป จะลอยบนผิวด้านบน
  3. หลังจากนั้นใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูลงไป (ให้ร่อนแป้งสัก 2 รอบเพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมเบา ๆ ก่อนเปิดเครื่อง เพราะถ้าเปิดเครื่องเลยแป้งจะฟุ้ง หลังจากนั้นก็ตีต่อด้วยความเร็วปานกลางสัก 2-3 นาที
  4. ลองเช็กก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นไหม ถ้าไม่มีก็ค่อย ๆ เติมเนยละลายที่พักจนอุ่นลงไปทีละนิด อย่าเทพรวดเดียว เพราะจะตีผสมกันยาก ซึ่งเป็นสาเหตุให้เค้กเป็นไตได้ พอใส่เนยละลายหมดแล้วก็ตีต่ออีกสัก 3 นาที
  5. ทาเนยขาวให้ทั่วพิมพ์ เตรียมไว้ ตักแป้งเค้กใส่พิมพ์เค้กลูกส้ม ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ หรือเต็มพิมพ์ หลังจากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม ประมาณ 20-25 นาที
  6. พออบเสร็จเอาออกมาจากเตาแล้วก็คว่ำลงบนตะแกรง พักทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วค่อยแกะพิมพ์ซิลิโคนออก หลังจากนั้นก็พักให้เย็นสนิทบนตะแกรง
  7. ระหว่างรอเค้กให้เย็นก็มาทำซอสส้มกัน โดยผสมน้ำ น้ำส้มซันควิก และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพดลงไปตีผสมให้เข้ากัน ยกขึ้นเตา เปิดไฟอ่อน-กลาง คนเรื่อย ๆ จนซอสสีเริ่มใสและข้นขึ้น
  8. ปิดเตา ใส่เนยลงไปคนให้เข้ากัน เติมสีผสมอาหารสีส้ม ประมาณ 10-15 หยด หรือตามชอบ คนผสมให้เข้ากัน
  9. เสร็จแล้วก็นำมาราดบนเค้กส้ม ราดสัก 2 รอบ แล้วก็ยกถาดเคาะเบา ๆ เพื่อให้ผิวส้มเรียบเสมอกัน จากนั้นพักให้เซตตัวประมาณ 20 นาที พอเซตตัวแล้วก็ตกแต่งด้วยใบแก้วหรือใบมะยม

6. เค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต

          เค้กชิฟฟ่อนก็เป็นเค้กยอดนิยมตลอดกาล ขอยกตัวอย่างเมนูเค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต จับแป้งเค้กผสมผงโกโก้ เติมกลิ่นวานิลลา พร้อมกับปาดบัตเตอร์ครีม

ส่วนผสม เค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต

  • แป้งเค้ก 260 กรัม
  • ผงโกโก้ 20 กรัม
  • ผงฟู 2+1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย (1) 150 กรัม
  • ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 11 ฟอง
  • น้ำเปล่า 100 กรัม
  • นมข้นจืด 90 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช 125 กรัม
  • เกลือป่นละเอียด 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 11 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย (2) 210 กรัม
  • บัตเตอร์ครีม
  • กระดาษสำหรับห่อเค้ก
  • ถาดอบขนาด 11x15x2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ

ส่วนผสม บัตเตอร์ครีม

  • เนยสดชนิดเค็มพักไว้พอนุ่ม 560 กรัม
  • เนยขาว 250 กรัม
  • แบะแซ 1/4 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 300 กรัม
  • น้ำเปล่า 80 กรัม
  • เกลือป่นละเอียด 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 280 กรัม
  • นมข้นหวาน 100 กรัม

วิธีทำบัตเตอร์ครีม

  1. ผสมน้ำตาลทราย แบะแซ น้ำเปล่า และเกลือป่น ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือด
  2. ตีไข่ขาวด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่องจนขึ้นฟู
  3. ค่อย ๆ ใส่น้ำเชื่อมในข้อที่ 1 ขณะร้อน ๆ ลงไปเป็นสาย ตีต่อจนขึ้นฟูและเย็นสนิท
  4. ใส่เนยสดและเนยขาวตีพอเข้ากัน ใส่นมข้นหวานตีต่อจนมีลักษณะฟูและเนียนเป็นครีม

วิธีทำเค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต

  1. ทาถาดอบด้วยเนยขาว แล้วรองด้วยกระดาษไข ทาเนยขาวอีกครั้งจนทั่ว พักไว้
  2. ร่อนแป้งเค้ก ผงโกโก้ และผงฟูเข้าด้วยกันลงในอ่างผสม เตรียมไว้
  3. ผสมไข่แดง น้ำตาลทราย (1) น้ำเปล่า นมข้นจืด กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช และเกลือป่น ผสมจนส่วนผสมละลายดี เทลงในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ คนด้วยตะกร้อมือจนเข้ากัน พักไว้
  4. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่องพอขึ้นฟู ค่อย ๆ เติมน้ำตาลทราย (2) ทีละน้อยจนหมด ตีต่อจนส่วนผสมตั้งยอดอ่อน นำไข่ขาวค่อย ๆ แบ่งลงผสมกับส่วนผสมในข้อที่ 3 จนหมดตะล่อมเบา ๆ ด้วยตะกร้อมือและพายยางจนเข้ากันดี
  5. เทใส่ถาดอบที่เตรียมไว้เท่า ๆ กัน นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30-40 นาทีหรือจนสุก นำออกจากเตาอบแซะออกจากถาดพักขนมบนตะแกรงจนเย็นสนิท
  6. ปาดบัตเตอร์ครีมลงบนเนื้อเค้กจนทั่ว ประกบด้วยเค้กอีกชิ้นตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมตามต้องการ แล้วห่อด้วยกระดาษ

7. เค้กชิฟฟ่อนใบเตย

          มาต่อกันที่เมนูเค้กชิฟฟ่อนใบเตย สูตรนี้แป้งเค้กใส่น้ำใบเตยและสีผสมอาหารสีเขียว พออบจนสุกก็ปาดบัตเตอร์ครีมลงไป

ส่วนผสม เค้กชิฟฟ่อนใบเตย

  • แป้งเค้ก 275 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 15 กรัม
  • ผงฟู 2+1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย (1) 140 กรัม
  • ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 11 ฟอง
  • น้ำเปล่า 80 กรัม
  • น้ำใบเตย 100 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช 130 กรัม
  • เกลือป่นละเอียด 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 12 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย (2) 220 กรัม
  • สีผสมอาหารสีเขียว
  • กระดาษสำหรับห่อเค้ก
  • ถาดอบขนาด 11x15x2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ

ส่วนผสม บัตเตอร์ครีม

  • เนยสดชนิดเค็มพักไว้พอนุ่ม 560 กรัม
  • เนยขาว 250 กรัม
  • แบะแซ 1/4 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 300 กรัม
  • น้ำเปล่า 80 กรัม
  • เกลือป่นละเอียด 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 280 กรัม
  • นมข้นหวาน 100 กรัม

วิธีทำบัตเตอร์ครีม

  1. ผสมน้ำตาลทราย แบะแซ น้ำเปล่า และเกลือป่น ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือด
  2. ตีไข่ขาวด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่องจนขึ้นฟู
  3. ค่อย ๆ ใส่น้ำเชื่อมในข้อที่ 1 ขณะร้อน ๆ ลงไปเป็นสาย ตีต่อจนขึ้นฟูและเย็นสนิท
  4. ใส่เนยสดและเนยขาวตีพอเข้ากัน ใส่นมข้นหวานตีต่อจนมีลักษณะฟูและเนียนเป็นครีม

วิธีทำเค้กชิฟฟ่อนใบเตย

  1. ทาถาดด้วยเนยขาว แล้วรองด้วยกระดาษไข ทาเนยขาวอีกครั้งจนทั่ว พักไว้
  2. ร่อนแป้งเค้ก แป้งข้าวโพด และผงฟูเข้าด้วยกันลงในอ่างผสม เตรียมไว้
  3. ผสมไข่แดง น้ำตาลทราย (1) น้ำเปล่า น้ำใบเตย กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช และเกลือป่น ผสมจนส่วนผสมละลายดี เทลงในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ คนด้วยตะกร้อมือจนเข้ากัน พักไว้
  4. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่องพอขึ้นฟู ค่อย ๆ เติมน้ำตาลทราย (2) ทีละน้อยจนหมด ตีต่อจนส่วนผสมตั้งยอดอ่อน นำไข่ขาวค่อย ๆ แบ่งลงผสมกับส่วนผสมในข้อที่ 3 จนหมด เติมสีเขียวตะล่อมเบา ๆ ด้วยตะกร้อมือและพายยางจนเข้ากันดี
  5. เทใส่ถาดอบที่เตรียมไว้เท่า ๆ กัน นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30-40 นาทีหรือจนสุก นำออกจากเตาอบแซะออกจากถาดพักขนมบนตะแกรงจนเย็นสนิท
  6. ปาดบัตเตอร์ครีมลงบนเนื้อเค้กจนทั่ว ประกบด้วยเค้กอีกชิ้นตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยม แล้วห่อด้วยกระดาษ

8. เค้กทุเรียน

          ใครชอบกินทุเรียนเป็นทุนเดิม ลองเปลี่ยนสไตล์จากกินผลไม้เพียว ๆ มาทำเค้กทุเรียนกันดีไหม สูตรนี้ใส่เนื้อทุเรียนสุกงอมผสมในเนื้อเค้ก แต่งหนามด้วยครีมบัตเตอร์ทุเรียน

ส่วนผสม เค้กทุเรียน

  • เนยสดเค็ม อุณหภูมิห้อง 150 กรัม
  • น้ำตาลทราย 150 กรัม (ใส่ตอนตีเนย)
  • น้ำตาลไอซิ่งหรือน้ำตาลทราย 175 กรัม
  • สารเสริมคุณภาพเอสพี (SP) 15 กรัม (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ในสูตรใส่เพื่อให้เค้กมีปริมาณเพิ่มขึ้นและเนื้อละเอียดมากขึ้น)
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง
  • นมสด 125 กรัม
  • น้ำมันมะพร้าว 40 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เนื้อทุเรียนสุกงอมบด 100 กรัม
  • แป้งเค้ก 275 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม คัสตาร์ดทุเรียน

  • นมสด 200 กรัม
  • ไข่แดง (เบอร์ 2) 2 ฟอง
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 30 กรัม
  • เนื้อทุเรียนบด 100 กรัม
  • เนยสดรสเค็ม 100 กรัม

ส่วนผสม บัตเตอร์ครีม

  • น้ำตาลไอซิ่ง 125 กรัม (ถ้าชอบหวานกว่านี้ก็เพิ่มได้)
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • เนยสดเค็ม 170 กรัม
  • เนยขาว 120 กรัม
  • สีผสมอาหาร ได้แก่ สีเขียวแก่ สีเหลือง สีน้ำตาล (สามารถเติมสีแดงได้นิดหน่อยค่ะ)

หมายเหตุ : สูตรนี้สำหรับพิมพ์ 1 ปอนด์  จำนวน 2 พิมพ์ (ตัวเนื้อเค้กจะแน่น ๆ หน่อย สำหรับรองรับการแต่งหน้าเค้กเลย)

วิธีทำเค้กทุเรียน

  1. ทำเนื้อเค้กโดยตีเนย น้ำตาลไอซิ่ง และสารเสริมคุณภาพ SP จนเนยขึ้นฟู ใส่ไข่ลงไปทีละฟองแล้วตีจนเข้ากัน เติมนมสด น้ำมันมะพร้าว กลิ่นวานิลลา และเนื้อทุเรียนบด จากนั้นตีให้เข้ากัน ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูและเกลือป่นลงไป ตีจนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ขนาด 1 ปอนด์ จำนวน 2 พิมพ์ เคาะไล่ฟองอากาศ จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
  2. พออบเสร็จแล้ว นำออกจากพิมพ์พักบนตะแกรงจนเย็นสนิท แล้วนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  3. มาทำคัสตาร์ดทุเรียนกันต่อเลย ก่อนอื่นต้มนมให้เดือด
  4. ระหว่างนั้นให้ตีไข่ไก่ ไข่แดง และน้ำตาลทรายจนไข่สีอ่อนลง จากนั้นใส่แป้งข้าวโพดลงไปตะล่อมจนเข้ากัน
  5. พอนมเดือดเทนมใส่บางส่วนแล้วรีบคนให้เข้ากัน จากนั้นเทส่วนผสมลงหม้อ คนต่อด้วยไฟอ่อน พอส่วนผสมข้นขึ้นก็ใส่เนื้อทุเรียนบดคนให้เข้ากัน ดับเตาแล้วใส่เนยลงไปคนจนเข้ากัน เทใส่ภาชนะ พักไว้จนเย็นสนิท
  6. ทำบัตเตอร์ครีมโดยละลายน้ำตาลไอซิ่งกับเกลือ ด้วยน้ำร้อน 1/4 ถ้วยตวง พักไว้ให้เย็น
  7. ตีเนยสดกับเนยขาวจนขึ้นฟู ตีด้วยความเร็วต่ำ ประมาณ 3-5 นาที แล้วใส่น้ำตาลไอซิ่งกับเกลือที่ละลายไว้ลงไปตีด้วยความเร็วต่ำอีกประมาณ 3-5 นาที
  8. พอคัสตาร์ดเย็นลง แบ่งคัสตาร์ดมาครึ่งหนึ่ง แล้วตีจนเนื้อเนียน
  9. จากนั้นตักบัตเตอร์ครีมมา 1/3 ส่วน แล้วตะล่อมให้เข้ากัน (ในวิธีทำใช้แค่ครึ่งเดียว แต่จริงแล้วก็สามารถเอามาผสมกับบัตเตอร์ครีมทั้งหมดได้ แต่ที่ไม่ได้เอาไปผสมกับในส่วนของสีเขียวเพราะว่าป้าต้องการการคงรูปเวลาบีบหนาม)
  10. นำเค้ก 2 ก้อน มาแบ่งเป็น 2 ส่วน จะได้ทั้งหมด 4 ชิ้น
  11. นำครีมบัตเตอร์ที่ผสมคัสตาร์ดทุเรียนปาดให้ทั่ว วางชิ้นต่อไปประกบจนครบ 4 ชั้น แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้ครีมเซตตัวอีก 30 นาที
  12. บัตเตอร์ครีม 2/3 ที่เหลือ ผสมสีเขียวลงไป แต่เราอยากได้สีเขียวขี้ม้าที่มีความใกล้เคียงกับเปลือกทุเรียนจริง ๆ ก็เลยผสมสีเหลือง และสีน้ำตาลลงไปด้วย ค่อย ๆ ผสม ดูจนได้สีที่พอใจ พอครีมเซตตัวแล้วก็จะนำเค้กมาตัดแต่งรูปทรงเป็นลูกทุเรียน พูเล็กพูใหญ่แล้วแต่ชอบเลย พอได้รูปทรงที่ต้องการแล้วก็ปาดครีมสีเขียวรองพื้นให้ทั่ว จากนั้นก็จะบีบหนามโดยใช้หัวบีบวงกลมเบอร์ 12 ตามซอกป้าจะบีบหนามเล็ก ๆ โดยตัดปากถุงให้รูเล็กหน่อย ส่วนก้านทำจากฟองดองผสมสีน้ำตาล

9. เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม

          เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม เป็นอีกเมนูเค้กยอดนิยม เนื้อเค้กชิฟฟ่อนผสมโกโก้ สลับชั้นด้วยหน้านิ่มช็อกโกแลต และแต่งหน้าด้วยช็อกโกแลตหน้านิ่ม

ส่วนผสม เค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต (พิมพ์ขนาด 3 ปอนด์)

ส่วนผสม ไข่แดง

  • ไข่แดง 6 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 30 กรัม
  • นม 80 กรัม
  • น้ำมันพืช 65 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • แป้งเค้ก 90 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • ผงโกโก้ 20 กรัม
  • เกลือเล็กน้อย

ส่วนผสม ไข่ขาว

  • ไข่ขาว 6 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม

ส่วนผสม หน้านิ่ม

  • ผงวุ้น 1 ช้อนชา
  • น้ำ 250 กรัม
  • ผงโกโก้ 30 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 30 กรัม
  • นมสดหรือนมจืด 250 กรัม
  • น้ำตาลทราย 160 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เนยสดเค็ม 70 กรัม

วิธีทำชิฟฟ่อนช็อกโกแลต

  1. ตีไข่แดงพอแตก ใส่น้ำตาลทรายลงไปตีจนเข้ากัน เติมนมกับน้ำมันพืชแล้วคนจนเข้ากัน เติมกลิ่นวานิลลาแล้วคนจนเข้ากัน ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟู ผงโกโก้ และเกลือลงไป ตะล่อมจนเข้ากัน แต่อย่านานมาก เพราะเค้กจะเหนียวได้
  2. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์จนเป็นฟองหยาบ แล้วค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอดอ่อนถึงกลาง อย่าตีจนตั้งยอดแข็ง เวลาเอาไปผสมกับส่วนของไข่แดงจะทำให้คนเข้ากันยากมาก เพราะต้องใช้เวลาตะล่อมนาน ทำให้ฟองอากาศยุบตัวเยอะ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เค้กไม่ฟู พอตั้งยอดแล้วก็ตักเมอแรงค์ไข่ขาวสัก 1/3 ส่วนมาตะล่อมกับส่วนผสมของไข่แดง ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน หลังจากนั้นก็ใส่เมอแรงค์ไข่ขาวส่วนที่เหลือลงไปจนหมด แล้วตะล่อมจนเข้ากันดี
  3. พอเข้ากันแล้วเทใส่พิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ที่เตรียมไว้ เคาะพิมพ์เบา ๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วนำไปอบบนถาดที่เทน้ำร้อนเตรียมไว้ที่อุณหภูมิ 140-150 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 60 นาที ใครชอบหน้าเข้มกว่านั้นก็เพิ่มอุณหภูมิเป็น 160 องศาเซลเซียสก็ได้ ต้องดูเตาอบบ้านแต่ละคนด้วย ไม่เช่นนั้นหน้าอาจจะไหม้ก่อน พออบเสร็จแล้วก็พักไว้ในพิมพ์ก่อนประมาณ 10-15 นาที แล้วนำเค้กออกมาพักบนตะแกรง

วิธีทำเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม

  1. ผสมผงวุ้นกับน้ำแล้วพักไว้ 10 นาที หลังจากนั้นนำผงโกโก้และแป้งข้าวโพดเทลงชามผสม ใช้ตะกร้อคนให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เติมนมลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่น้ำตาลทรายกับกลิ่นวานิลลาลงไปผสมจนเข้ากัน
  2. นำหม้อที่ผสมน้ำกับผงวุ้นพักไว้ตั้งไฟกลางจนเดือดและผงวุ้นละลาย หลังจากนั้นนำส่วนผสมช็อกโกแลตเมื่อสักครู่เทลงไป คนจนข้นขึ้น พอข้นแล้วก็ดับเตาแล้วเติมเนยลงไป คนให้เข้ากัน นำออกมาคนต่อข้างนอก อย่าคนเร็วหรือแรงไปเพราะจะทำให้เกิดฟองอากาศเยอะนะคะ ถ้าอยากให้อุ่นเร็วก็นำไปคนในชามน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัดค่ะ
  3. พออุ่นแล้วก็ราดลงแผ่นเค้กที่หั่นแบ่งครึ่งเตรียมไว้ ปาดให้ทั่วเค้ก พักให้เซตตัวสัก 5 นาที หลังจากนั้นก็นำอีกแผ่นมาประกบเข้าด้วยกัน
  4. ปาดด้านข้างให้เรียบ แล้วนำหน้านิ่มส่วนที่เหลือราดหน้าลงไป แล้วใช้ไม้ปลายแหลมเจาะฟองอากาศ เพื่อให้หน้าเรียบสวยงาม พักให้เซตตัวสัก 30 นาที หลังจากนั้นก็นำมาตัดเสิร์ฟได้

10. เค้กฝอยทองลาวา

          อินเทรนด์ไปกับเมนูเค้กฝอยทองลาวา จุดเด่นคือ ฝอยทองสีส้มสลับสีกับฝอยทองสีเขียว และใส่ซอสมะพร้าวอ่อนไว้ตรงกลาง แต่งหน้าเพิ่มด้วยทองหยอด

เค้กชิฟฟ่อน สำหรับพิมพ์ทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 7 นิ้ว

ส่วนผสม ไข่แดง

  • ไข่แดง 4 ฟอง (ไข่ไก่เบอร์ 2)
  • น้ำตาลทราย 45 กรัม
  • น้ำหรือน้ำใบเตยคั้น 80 กรัม
  • น้ำมันพืช 50 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เกลือป่นเล็กน้อย

ส่วนผสม ไข่ขาว

  • ไข่ขาว 4 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม

ส่วนผสม ซอสมะพร้าว (สำหรับเค้ก 2-3 ก้อน)

  • น้ำมะพร้าว 325 กรัม
  • กะทิ 250 กรัม
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 120 กรัม
  • แป้งกวนไส้หรือแป้งข้าวโพด 35-40 กรัม
  • เนื้อมะพร้าวอ่อน 175-200 กรัม
  • เนยสดเค็ม 35 กรัม

ส่วนผสม วิปปิ้งครีม

  • วิปปิ้งครีม 250 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง 35 กรัม

ส่วนผสม สำหรับแต่งเค้ก

  • ฝอยทองใบเตย
  • ฝอยทอง
  • ทองหยอด

วิธีทำเค้กฝอยทองลาวา

  1. ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายจนน้ำตาลทรายละลาย พอเข้ากันแล้วใส่น้ำ น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลาลงไป ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูกับเกลือป่น (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน
  2. ทำส่วนผสมไข่ขาว โดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีพอเข้ากัน ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เคาะไล่ฟองอากาศ นำเข้าอบอุณหภูมิ 150 -160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 45-50 นาที พออบเสร็จแล้วให้คว่ำพิมพ์ พักจนเย็นสนิทแล้วค่อยนำเค้กออกจากพิมพ์
  3. ทำส่วนผสมซอสมะพร้าวอ่อน โดยเทน้ำมะพร้าว กะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย และแป้งข้าวโพดหรือแป้งกวนไส้ลงไปในหม้อ คนให้ทุกอย่างละลายเข้ากัน พอละลายเข้ากันแล้ว เปิดเตากวนด้วยไฟอ่อนจนซอสเริ่มข้น จากนั้นเทเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป กวนต่ออีก 1 นาทีแล้วก็ดับเตาได้ค่ะ ใส่เนยลงไป คนจนเข้ากัน แล้วเทใส่ชามปิดฝาหรือแรปพลาสติก พักให้เย็นสนิท
  4. ทำส่วนผสมวิปปิ้งครีม โดยตีวิปปิ้งครีมกับไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง บีบวิปครีมให้ทั่วเค้ก วางฝอยทองรอบตัวเค้ก โดยสลับสีกัน ตกแต่งให้รูปทรงสวยงาม เทซอสมะพร้าวอ่อนลงไปในรูตรงกลาง ตกแต่งให้สวยงามเพิ่มความอร่อยด้วยทองหยอด

11. เค้กฝอยทองใบเตยลาวา

          สูตรเค้กฝอยทองลาวาทั่วไปก็ทำบ่อยแล้ว ลองเปลี่ยนมาทำเค้กฝอยทองใบเตยลาวาสักครั้งดีไหม สูตรนี้แต่งหน้าด้วยฝอยทองใบเตยสีเขียว และหยอดซอสมะพร้าวอ่อน ปรับลดความหวานตามชอบได้เลยจ้า

เค้กชิฟฟ่อน สำหรับพิมพ์ทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 7 นิ้ว

ส่วนผสม ไข่แดง

  • ไข่แดง 4 ฟอง (ไข่ไก่เบอร์ 2)
  • น้ำตาลทราย 45 กรัม
  • น้ำหรือน้ำใบเตยคั้น 80 กรัม
  • น้ำมันพืช 50 กรัม
  • กลิ่นใบเตย 1/2 ช้อนชา
  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เกลือป่นเล็กน้อย

ส่วนผสม ไข่ขาว

  • ไข่ขาว 4 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม

ส่วนผสม ซอสมะพร้าวอ่อน (สำหรับเค้ก 2-3 ก้อนค่ะ)

  • น้ำมะพร้าว 325 กรัม
  • กะทิ 250 กรัม
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 120 กรัม
  • แป้งกวนไส้หรือแป้งข้าวโพด 35-40 กรัม
  • เนยสดเค็ม 35 กรัม
  • เนื้อมะพร้าวอ่อน 175-200 กรัม

ส่วนผสม วิปปิ้งครีม

  • วิปปิ้งครีม 250 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง 35 กรัม

ส่วนผสม สำหรับแต่งเค้ก

  • ฝอยทองใบเตยหรือฝอยทองหยก 300 กรัม

วิธีทำเค้กฝอยทองลาวา

  1. ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายจนน้ำตาลทรายละลาย พอเข้ากันแล้วใส่น้ำใบเตยคั้น  น้ำมันพืช และกลิ่นใบเตยลงไป ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูกับเกลือป่น (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน
  2. ทำส่วนผสมไข่ขาว โดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีพอเข้ากัน ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เคาะไล่ฟองอากาศ นำเข้าอบอุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 45-50 นาที พออบเสร็จแล้วให้คว่ำพิมพ์ พักจนเย็นสนิทแล้วค่อยนำเค้กออกจากพิมพ์
  3. ทำส่วนผสมซอสมะพร้าวอ่อน โดยเทน้ำมะพร้าว กะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย แป้งข้าวโพดหรือแป้งกวนไส้ลงไปในหม้อ คนให้ทุกอย่างละลายเข้ากัน พอละลายเข้ากันแล้ว เปิดเตากวนด้วยไฟอ่อนจนซอสเริ่มข้น จากนั้นเทเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป กวนต่ออีก 1 นาทีแล้วก็ดับเตาได้ค่ะ ใส่เนยลงไป คนจนเข้ากัน แล้วเทใส่ชามปิดฝาหรือแรปพลาสติก พักให้เย็นสนิท
  4. พอเค้กเย็นแล้ว ตีวิปปิ้งครีมกับไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง สามารถเพิ่มความหอมด้วยกลิ่นมะพร้าวน้ำหอมได้อีก ปาดวิปครีมให้ทั่วเค้ก วางฝอยทองรอบตัวเค้ก ตกแต่งให้รูปทรงสวยงาม เทซอสมะพร้าวอ่อนลงไปในรูตรงกลาง เสร็จแล้ว

12. เค้กกล้วยหอม

          ใครมีกล้วยหอมสุกงอมเหลือ ๆ ครั้นจะทิ้งก็เสียดาย ถ้าเช่นนั้นจับมาทำเค้กกล้วยหอมกันเถอะ สูตรนี้ใส่เนยและกลิ่นวานิลลา ผสมกับกล้วยหอมสุกบด หยอดใส่พิมพ์แล้วนำไปอบจนสุก

ส่วนผสม เค้กกล้วยหอม

  • เนยเค็ม 250 กรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จะได้นิ่มเร็ว ๆ)
  • น้ำตาลทรายละเอียด 1+1/2 ถ้วย (ถ้ากล้วยงอมมากลดเหลือแค่ 1 ถ้วย)
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • นมสด 4 ช้อนโต๊ะ
  • กล้วยหอมสุกบด 1+1/2 ถ้วย (ไม่ต้องละเอียดมากเวลากินแล้วมีเนื้อสัมผัส)
  • แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการเตรียม

  1. อร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ (ถ้าตามสูตรจะใช้ 160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟล่าง แต่ในสูตรทำเป็นถ้วยมัฟฟินก็เลยใช้อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง)
  2. เตรียมพิมพ์ให้เรียบร้อย
  3. ใช้ส้อมบดกล้วยแล้วเติมนมสด และกลิ่นวานิลลาลงไป คนผสมให้เข้ากัน
  4. ผสมแป้งกับผงฟูและเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน เตรียมไว้

วิธีทำเค้กกล้วยหอม

  1. ตีเนยด้วยตะกร้อมือให้ขึ้นฟูจนเป็นสีขาวนวล ทยอยใส่น้ำตาลทรายป่นละเอียดลงไป แบ่งใส่สัก 2-3 ครั้ง แล้วตีผสมให้เข้ากัน
  2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีทีละฟอง พอหมดลิ่มไข่ก็ใส่ใบต่อไปได้เลยจนครบ 4 ฟอง
  3. ใส่ส่วนผสมกล้วยบดลงไปตีผสมให้เข้ากัน
  4. ใส่ส่วนผสมแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดาลงไป ค่อย ๆ ตะล่อมเบาจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่พิมพ์มัฟฟินที่เตรียมไว้ นำเข้าเตาอบประมาณ 15-20 นาที (แล้วแต่ขนาดของพิมพ์แล้วก็เตาอบแต่ละบ้าน เช็กว่าสุกหรือยังก็ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไป ไม่มีเศษแป้งติดมาก็ถือว่าเรียบร้อย สูตรนี้ใช้พิมพ์มัฟฟินได้ 34 ชิ้น) นำออกจากเตา วางพักทิ้งไว้ให้เย็นลง แกะออกจากพิมพ์

13. เค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด

          หน้ามะพร้าวถูกต้องเจอกับเมนูเค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด ตัวเค้กใส่น้ำมะพร้าวและกะทิเพิ่มความหอมมัน ส่วนไส้ครีมมะพร้าวใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน น้ำมะพร้าว และกะทิ พอแช่เย็นจนเซตตัวก็เสิร์ฟได้เลยค่ะ

ส่วนผสม ตัวเค้กมะพร้าวอ่อน

  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • ผงฟู 1/4+1/8 ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายป่น 35 กรัม
  • เกลือป่น 1/4+1/8 ช้อนชา
  • กะทิ 22 กรัม
  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • น้ำมันพืช 22 กรัม
  • น้ำมะพร้าว 16 กรัม
  • ไข่ขาว 2 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ ปลายช้อน

ส่วนผสม ไส้ครีมมะพร้าวอ่อน

  • เนื้อมะพร้าวอ่อน 1 ลูก
  • น้ำตาลทราย 25 กรัม
  • กะทิกล่อง 125 มิลลิลิตร
  • น้ำมะพร้าว 75 มิลลิลิตร
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • แป้งถั่วเขียว 30 กรัม
  • เนยสด 15 กรัม

ส่วนผสม ครีมสด (สำหรับปาดหน้าเค้ก)

  • วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนชา
  • น้ำมะพร้าว 1 ช้อนชา

วิธีทำเค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด

  1. ทำไส้ครีมมะพร้าวอ่อน โดยผสมเนื้อมะพร้าวอ่อน น้ำตาลทราย กะทิกล่อง น้ำมะพร้าว เกลือ และแป้งถั่วเขียวมาผสมกัน ตั้งไฟอย่าให้แรงมากแล้วก็คนเรื่อย ๆ เมื่อคนจนข้นได้ที่ก็ปิดไฟ แล้วใส่เนยสดลงไป คนให้ละลายพอดีกัน
  2. ขูดมะพร้าวอ่อนให้เป็นเส้น ๆ จากนั้นก็นำมาหั่นตามชอบ พักทิ้งไว้
  3. ทำเค้กมะพร้าวอ่อน โดยร่อนแป้งกับผงฟูอย่างน้อย 2 รอบ
  4. ผสมส่วนผสมของเหลวเข้าด้วยกัน เทส่วนผสมแป้งลงไปในของเหลวแล้วคนเร็ว ๆ ให้เข้ากัน พอเข้ากันแล้วให้หยุดคน ไม่เช่นนั้นเค้กจะเหนียว
  5. ตีไข่ขาวให้พอขึ้นฟอง จากนั้นใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทีละน้อย ตีจนไข่ขาวตั้งยอดปานกลางเกือบแข็ง
  6. นำส่วนผสมไข่ขาวมาผสมกับแป้งที่ร่อนเตรียมไว้ คนผสมจนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ นำเข้าอบประมาณ 20 นาที เช็กความสุกโดยการใช้มีดปลายแหลมจิ้มไปตรงกลาง ไม่มีอะไรติดออกมาแสดงว่าสุกแล้ว
  7. ทำครีมสดโดยผสมทุกอย่างให้เข้ากัน และตีให้ขึ้นฟู
  8. หั่นเค้กเป็น 2 ชั้น ปาดไส้มะพร้าวลงไปตามชอบ จากนั้นก็ประกบเค้กทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน ทาครีมสดให้ทั่วหน้าเค้ก และราดเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปอีกที จากนั้นนำไปแช่เย็นให้แข็งตัว

14. เค้กกาแฟ

          เค้กกาแฟ เมนูเค้กยอดนิยมของคอกาแฟ ตัวเค้กใส่ผงกาแฟผสมกับกลิ่นกาแฟ ส่วนวิปครีมใส่ผงกาแฟด้วย ตัดด้วยลายเส้นจากช็อกโกแลตกานาช

ส่วนผสม เค้กสปันจ์กาแฟ (สำหรับพิมพ์ 2 ปอนด์)

  • ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 60-70 กรัม
  • สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 8 กรัม
  • นมสดหรือนมจืด 25 กรัม
  • น้ำร้อน 25 กรัม
  • กลิ่นกาแฟ 1/2 ช้อนชา
  • สีผสมอาหารสีน้ำตาล 15-20 หยด
  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • ผงกาแฟ 3 in 1 15 กรัม (หรือผงกาแฟสำเร็จรูป 5 กรัม สามารถนำไปละลายในส่วนของน้ำร้อน 25 กรัม แล้วพักให้เย็น)
  • เนยเค็มละลาย 60 กรัม

ส่วนผสม วิปครีมกาแฟ

  • วิปปิ้งครีม 300 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
  • ผงกาแฟสำเร็จรูป 1 ช้อนชา
  • น้ำร้อน 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม ช็อกโกแลตกานาช

  • ดาร์กช็อกโกแลต 50 กรัม
  • วิปปิ้งครีม 30 กรัม

วิธีทำเค้กกาแฟ

  1. ทำเค้กสปันจ์กาแฟ โดยตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพ ตีจนไข่ฟูมีสีขาวนวล
  2. ใส่นมลงไป ตามด้วยน้ำ จากนั้นเติมกลิ่นกาแฟและสีผสมอาหารสีน้ำตาลลงไปสัก 20 หยด ตีไปสัก 5-10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้น 2-3 เท่า (Ribbon Stage) เวลายกตะกร้อแล้วส่วนผสมที่หยดลงมาไม่จมลงโถ จะลอยอยู่เหนือผิวหน้าด้านบน
  3. ใส่แป้งที่ร่อนกับผงฟูและผงกาแฟลงไป (แนะนำให้ร่อนสัก 2 รอบนะคะ เค้กจะได้เบานุ่มยิ่งขึ้น) เอาตะกร้อตะล่อมเบา ๆ ก่อน แป้งจะได้ไม่ฟุ้งค่ะ หลังจากนั้นก็ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี ลองเช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีให้ทำขั้นตอนต่อไป คือ ค่อย ๆ ใส่เนยละลายลงไป อย่าใส่ทีเดียวหมดนะคะ ระวังเค้กจะเป็นไต หลังจากใส่เนยหมด ก็ตีต่ออีก 3-5 นาที
  4. พอครบ 5 นาทีแล้วอย่าลืมเช็กก้นโถว่า มีเนยนอนก้นหรือไม่ ถ้าไม่มีก็เทใส่พิมพ์ เคาะพิมพ์ไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30-35 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม พออบเสร็จแล้ว พักไว้บนตะแกรงจนเย็นสนิท และนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้เค้กเซตตัวก่อนนำมาแต่งหน้าสัก 2 ชั่วโมง
  5. พอเค้กเซตตัวแล้วมาทำวิปครีม โดยตีวิปครีมกับน้ำตาลไอซิ่งจนขึ้นฟู แล้วเติมผงกาแฟที่ละลายกับน้ำร้อนจนเย็นแล้วลงไป ตีต่อจนตั้งยอดแข็ง
  6. แบ่งเค้กเป็น 2 ส่วน ปาดครีมบนเค้กชิ้นล่างให้ทั่วแล้วเอาเค้กชิ้นบนมาประกบ ปาดครีมให้ทั่ว นำไปแช่ตู้เย็นพักไว้
  7. ทำช็อกโกแลตกานาช โดยนำวิปปิ้งครีมกับดาร์กช็อกโกแลตเข้าไมโครเวฟ ประมาณ 1 นาที นำออกมาคนให้เข้ากัน พักให้อุ่นลงแล้วนำไปใส่ถุงบีบ ถ้าไม่มีก็ใช้ถุงแกงธรรมดาก็ได้
  8. บีบช็อกโกแลตกานาชแต่งวาดลายเค้ก หรือแล้วแต่จินตนาการเลย บีบวิปครีมแต่งตามชอบ พอเสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เค้กเซตตัวประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วค่อยนำมาตัด

15. เครปเค้ก

          แค่มีกระทะเทฟลอนก็ทำได้แล้วสำหรับเมนูเครปเค้ก สูตรเค้กยอดนิยมทำง่าย พอผสมแป้งเครปกับสีผสมอาหารเรียบร้อยก็หยอดเป็นแผ่นกลมรอจนสุก แล้ววางซ้อนเป็นชั้นสลับกับวิปครีม

ส่วนผสม แป้งเครป

  • ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 4 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม
  • แป้งเค้ก 200 กรัม
  • เนยเค็มละลาย 100 กรัม
  • นมจืดอุ่น 600 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • สีผสมอาหารสีม่วง สีเหลือง สีเขียว และสีฟ้า
  • ผลไม้สดตามชอบ
  • สตรอว์เบอร์รี สำหรับแต่ง

ส่วนผสม วิปครีม

  • วิปปิ้งครีม 650 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง 110 กรัม

วิธีทำเครปเค้ก

  1. ทำแป้งเครป โดยตีไข่กับน้ำตาลทราย หลังจากนั้นเติมเนยละลายแล้วค่อย ๆ เติมนมอุ่นลงไป ตามด้วยกลิ่นวานิลลา ตีต่อจนเข้ากัน
  2. เติมแป้งลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากัน แต่อย่านานมากเดี๋ยวแป้งจะเหนียวค่ะ หลังจากนั้นนำมากรองใส่อ่าง คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารพักในตู้เย็นอย่างต่ำ 5 ชั่วโมงหรือข้ามคืน
  3. พอพักไว้ข้ามคืนแล้วก็แบ่งออกเป็น 4 ถ้วย ใส่สีผสมอาหารแต่ละสีที่เตรียมไว้ลงไป คนผสมจนเข้ากันแล้วตักหยอดบนกระทะใช้ไฟอ่อน กลิ้งแป้งบาง ๆ ให้ทั่วกระทะ รอจนสุกแล้วค่อย ๆ ใช้ไม้พายแซะตรงขอบ ตักขึ้นมาคว่ำพักไว้บนตะแกรง
  4. ทำจนหมดแป้งและพักไว้จนเย็นสนิทแล้วตัดเป็นทรงกลมให้สวยงามเท่ากัน แต่ละชั้นจะใช้แป้งเครปสีละ 4 แผ่น รวม 16 ชั้น และชั้นผลไม้ระหว่างชั้นแต่ละสีอีก 3 ชั้น รวมทั้งหมด 19 ชั้น
  5. ทำวิปครีม โดยตีวิปปิ้งครีมกับไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง เสร็จแล้วนำวิปครีมมาปาดลงบนแผ่นเครปทีละชั้นจนถึงแผ่นที่ 4 พอชั้นถัดมาก็นำปาดครีมและวางผลไม้ ทำแบบนี้จนครบทุกสี แนะนำว่าหาแผ่นอะไรก็ได้ที่เรียบมากดเวลาเพิ่มแต่ละชั้น หน้าจะได้เรียบสวยงามนะคะ (สีสุดท้ายป้าทำได้แค่ 2 ชั้น เพราะปาดวิปครีมชั้นแรก ๆ หนาไปเลยไม่พอ 2 แผ่นสุดท้าย)
  6. ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีด้านบนเพื่อความสวยงาม แช่ตู้เย็นหาฝาครอบ พักให้ครีมเซตตัวสัก 2-3 ชั่วโมง (ผลไม้จะวางตอนจะเสิร์ฟก็ได้) จากนั้นก็นำมาตัดเสิร์ฟ

16. คัพเค้กเรดเวลเวท

          เซอร์ไพรส์วันเกิดคนพิเศษด้วยเมนูคัพเค้กเรด เวลเว็ท เค้กยอดนิยมสีแดงสวย ตัวเค้กใส่ผงโกโก้ สีผสมอาหารสีแดง และกลิ่นวานิลลา แต่งหน้าตามชอบ

ส่วนผสม แป้งเค้ก

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ร่อนแล้วตวง) 3+1/2 ถ้วย
  • เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1+1/2 ช้อนชา
  • ผงโกโก้ 1/4 ถ้วย
  • ไข่ไก่ ขนาดใหญ่ 3 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1+3/4 ถ้วย
  • น้ำมันดอกคาโนลา 2 ถ้วย
  • กลิ่นวานิลลา 1+1/2 ช้อนชา
  • บัตเตอร์มิลค์ 1+1/3 ถ้วย
  • น้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา
  • สีผสมอาหารสีแดง 1 ออนซ์
  • พิมพ์คัพเค้ก 24 ถ้วยหมายเหตุ :
    1. เค้กกำมะหยี่นี้ตามปกติเค้าใส่น้ำส้มสายชูลงไปด้วย จะทำให้เค้กฟู นุ่ม ชุ่มละมุนละไม เพราะน้ำส้มสายชูจะไปทำปฏิกิริยากับเบกกิ้งโซดา ทำให้เกิดฟองอากาศเล็ก ๆ ในส่วนผสม ขณะที่เราตะล่อมส่วนผสมอยู่จะทำให้เค้กที่ได้เบา ฟูฟ่อง นุ่ม นวลเนียนดุจดังแพรกำมะหยี่
    2. ถ้าไม่มีบัตเตอร์มิลค์ ให้ใช้นมสดจืด 1+1/3 ถ้วย ผสมน้ำมะนาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ส่วนผสมจะข้นขึ้น หรือใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ขนาด 4-6 ออนซ์ ผสมกับนมให้ได้ปริมาณเท่าบัตเตอร์มิลค์ 1+1/3 ถ้วย
    3. ใช้น้ำมันคาโนลา หรือน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน จะได้ไม่มีกลิ่นน้ำมันติดขนม
    4. สีผสมอาหารสีแดงในสูตรต้นฉบับใช้ 3 ออนซ์ แต่เจ้าของกระทู้ใช้ 1 ออนซ์ สีก็แดงอย่างสุดขีดแล้ว หรือจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ก็อาจเป็นไปได้

วิธีทำเค้กเรดเวลเวท

  1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
  2. ร่อนแป้ง เกลือ และเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน พักไว้ก่อน
  3. ตอกไข่ไก่ใส่ลงในอ่างผสมขนาดใหญ่ จากนั้นตีด้วยตะกร้อไฟฟ้า ใช้ความเร็วปานกลางจนขึ้นฟู ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อยจนหมด ตีจนส่วนผสมข้นเป็นครีม ใช้เวลาตีประมาณ 5 นาที จากนั้นยกตะกร้อขึ้นให้ส่วนผสมไหลลงเห็นเป็นรอยพับ ค่อย ๆ เทน้ำมันใส่ลงในอ่างผสมไข่ ตีส่วนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยกลิ่นวานิลลาลงไป ส่วนผสมที่ได้จะข้น ๆ
  4. ใส่สีผสมอาหารสีแดงลงไปทั้งหมด ตีส่วนผสมให้เข้ากันดี แล้วใส่น้ำส้มสายชูลงไป ใส่ส่วนผสมแป้งครึ่งหนึ่งลงในอ่างผสมไข่ ตะล่อมส่วนผสมพอเข้ากัน ใส่บัตเตอร์มิลค์ลงไป ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วใส่แป้งที่เหลือลงไปจนหมด ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากัน (การตะล่อมแป้งตะล่อมเบา ๆ แต่ให้ทำไว ๆ)
  5. ค่อย ๆ ตักส่วนผสมใส่ในลงพิมพ์กระดาษ (จริง ๆ ต้องได้ทั้งหมด 24 ถ้วย แต่วันนี้มือหนักไปหน่อย ทำได้ 22 ถ้วย) จากนั้นนำเข้าเตาอบ นานประมาณ 23-25 นาที หรือจนเค้กสุก (โดยใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มดู ให้จิ้มไม้ลงไปตรงกลางเค้ก ถ้าไม่มีเศษแป้งติดไม้ก็แสดงว่าเค้กสุกแล้ว) นำออกจากเตาอบ พักบนตะแกรงให้เค้กคลายความร้อนก่อนประมาณ 10 นาที จึงนำออกจากถาด วางพักให้เค้กเย็นบนตะแกรง

ไม่น่าเลย ! ตบะแตกพอเห็นเมนูเค้กยอดนิยม โดยเฉพาะเค้กทุเรียนหนามเยอะ หน้าตาเหมือนของจริงเลย และใส่เนื้อทุเรียนของแท้ด้วย ขอลองทำเป็นเมนูแรกเลยดีกว่า