8 สูตรทำเค้กหน้าผลไม้ เมนูเค้กเพื่อสุขภาพอ้วนน้อยอร่อยไม่เลี่ยน

สายเค้กห้ามพลาด ! พบกับเมนูเค้กหน้าผลไม้ สูตรขนมอร่อยนุ่มละมุนเบอร์แรง รสชาติหวานน้อย เติมผลไม้เพื่อสุขภาพ

          ใครจะไปรู้ว่าผลไม้ที่คุ้นเคยจะเอามาตกแต่งทำเป็นเค้กหน้าผลไม้ได้สวยงาม ดูมีประโยชน์และไม่เลี่ยนด้วย กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเค้กหน้าผลไม้ มีทั้งเค้กหน้าผลไม้สดและเค้กหน้าผลไม้แห้ง เช่น มูสเค้กส้ม คัพเค้กอะโวคาโด เค้กเมลอน ชีสเค้กนูเทลล่ากีวี เตรียมผลไม้ที่ชอบรอได้เลยค่ะ

1. อัพไซด์ดาวน์เค้กสับปะรด

          ลองมาทำอัพไซด์ดาวน์เค้กสับปะรดเป็นเค้กวันเกิดคนพิเศษกันดีไหม จุดเด่นคือสับปะรดท็อปบนเนื้อเค้ก พ่วงความหวานหอมของซอสคาราเมล แค่คำเดียวก็ฟินแล้ว
ส่วนผสมเค้กชิฟฟ่อน (ใช้พิมพ์ขันข้าวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร ได้ขนมจำนวน 8 ถ้วย)
ส่วนผสม ไข่แดง
  • ไข่แดง 4 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 40 กรัม
  • นมข้นจืด หรือน้ำ 80 กรัม
  • น้ำมันพืช 50 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
  • ส่วนผสม ไข่ขาว
  • ไข่ขาว 4 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 45 กรัม
ส่วนผสม คาราเมล
  • น้ำตาลทราย 160 กรัม
  • น้ำ 50 กรัม
  • น้ำร้อนจัด 1 ช้อนชา
  • ส่วนผสม สำหรับแต่ง
  • สับปะรดกระป๋อง 1 กระป๋อง
  • เชอร์รีเชื่อม 8 ลูก

วิธีทำอัพไซด์ดาวน์เค้กสับปะรด

  1. ทำคาราเมล โดยใส่น้ำตาลทรายกับน้ำลงไปในหม้อต้ม ต้มด้วยไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง หรือน้ำตาล พอมีกลิ่นไหม้นิด ๆ ดับเตา ใส่น้ำร้อนจัดลงไปเพื่อให้ลดความร้อนลง ยกออกจากเตาทันที เทใส่ในพิมพ์ พักให้เซตตัวประมาณ 10 นาที
  2. ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลจนน้ำตาลทรายละลาย พอเข้ากันแล้วใส่นม น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลาลงไป ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟู และเกลือป่น (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน
  3. ทำส่วนผสมไข่ขาวโดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีพอเข้ากัน ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด
  4. ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน
  5. พอคาราเมลเซตตัวแข็งแล้ว นำสับปะรดวางลงไป ตามด้วยเชอรีเชื่อม บีบเค้กลงไปในพิมพ์ประมาณ 3/4 ถ้วย เคาะไล่ฟองอากาศ นำไปอบที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม เป็นเวลาประมาณ 35-40 นาที
  6. พออบเสร็จ นำน้ำร้อนเทลงไปในถาด พักไว้ 5-10 นาที ก่อนนำเค้กออกจากพิมพ์

2. เค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รี

           ถ้าเบื่อกับเนื้อเค้กแบบเดิม ๆ ลองเปลี่ยนมาทำเค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รีสิคะ เนื้อเค้กทำจากเลดี้ฟิงเกอร์ หยอดมูสสตรอว์เบอร์รีลงไป และท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รีสด
ส่วนผสม เลดี้ฟิงเกอร์
  • ไข่แดง 3 ฟอง
  • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 45 กรัม
  • ไข่ขาว 3 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 45 กรัม
  • แป้งเค้ก 90 กรัม
  • ใช้พิมพ์ถอดก้นได้ขนาด 2 ปอนด์ (ใช้พิมพ์ 1 ปอนด์ ทำไกด์วาดเป็นวงกลมเพื่อบีบรูปก้นหอย)
ส่วนผสม มูสสตรอว์เบอร์รี
  • เจลาตินผง 2 ช้อนชา
  • สตรอว์เบอร์รีสดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 125 กรัม
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • น้ำเลมอน 5 กรัม (ใช้น้ำมะนาวแทนก็ได้)
  • วิปปิ้งครีม 300 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง

วิธีทำเค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รี

  1. ทำเลดี้ฟิงเกอร์ โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) จนไข่สีอ่อนลง
  2. ตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ และน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) ลงไป น้ำตาลทรายควรจะแบ่งใส่สัก 3 รอบ แล้วตีจนตั้งยอดกลาง
  3. ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ลงในชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน แล้วเทกลับลงไปในชามไข่ขาว ตะล่อมจนเนียนเข้ากัน
  4. ร่อนแป้งเค้กลงไปบางส่วน แล้วใช้ไม้พายตะล่อมอย่างเบามือจนเข้ากัน ร่อนแป้งเค้กส่วนที่เหลือลงไป (แบ่งแป้งใส่สัก 3 รอบ) แล้วนำไปใส่ถุงบีบ
  5. ใช้พิมพ์ 1 ปอนด์ ทำไกด์วาดเป็นวงกลมเพื่อบีบรูปก้นหอย (อย่าลืมพลิกด้านกระดาษ ก่อนวาดควรทาไขมันที่กระดาษไขก่อน) วาดทั้งหมด 2 ชิ้น แล้วบีบเป็นเส้นยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร ให้ห่างกันสักเล็กน้อย บีบต่อกันไปเรื่อย ๆ จนหมดค่ะ หลังจากนั้นร่อนน้ำตาลไอซิ่งให้ทั่ว แล้วพักไว้ 5-10 นาที ให้น้ำตาลซึมเข้าไปในตัวเค้ก
  6. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 10 นาที พออบเสร็จแล้วพักให้เย็นแล้วใช้มีดหรือสปาตูลาแซะออกมา
  7. ทำมูสสตรอว์เบอร์รี โดยผสมเจลาตินกับน้ำพักไว้ 10 นาที
  8. นำสตรอว์เบอร์รีหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไปต้มกับน้ำตาลทรายและน้ำมะนาวจนเดือด แล้วใส่เจลาตินลงไป ต้มจนเจลาตินละลาย แล้วปิดเตา เทใส่ชามพักไว้จนเย็นสนิท
  9. ตีน้ำตาลไอซิ่งกับวิปปิ้งครีมจนตั้งยอด แล้วเทซอสสตรอว์เบอร์รีลงไปตะล่อมให้เข้ากัน
  10. ใช้มีดตัดตรงกลางเลดี้ฟิงเกอร์ แบ่งเป็น 2 ส่วน วางตัวเลดี้ฟิงเกอร์รอบ ๆ พิมพ์ แล้ววางตัวก้นหอยไว้ที่ฐาน กดให้แนบพิมพ์
  11. แบ่งมูสเป็น 2 ส่วน เทใส่ชั้นแรกแล้วปรับหน้าเรียบ วางตัวก้นหอยลงไป แล้วเทมูสส่วนที่เหลือลงไป ปรับหน้าให้เรียบสวยงาม แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 5 ชั่วโมง
  12. พอเซตตัวแล้วก็ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี โรยด้วยไอซิ่งก็ได้ แล้วแต่เราชอบเลย

3. เค้กมะตูม

          เค้กหน้าผลไม้สดก็กินบ่อยแล้ว ลองเปลี่ยนมาทำเค้กหน้าผลไม้แห้งดีกว่า ยกตัวอย่างเค้กมะตูม ความพิเศษคือเนื้อเค้กใส่เนื้อมะตูม เท่านั้นยังไม่พอยังตกแต่งหน้าเค้กด้วยมะตูมราดไอซิ่งเกลซด้วย
ส่วนผสม เค้กมะตูม
  • มะตูมเชื่อมหั่นเป็นชิ้นเล็ก 200 กรัม
  • โยเกิร์ต 65 กรัม
  • น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนชา
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • แป้งเค้ก 115 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
  • ไข่ไก่เบอร์ 1 จำนวน 3 ฟอง
  • เนยสดจืด 110 กรัม
  • น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 70 กรัม
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำเค้กมะตูม

  1. หั่นมะตูมเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่อ่างผสม เตรียมไว้
  2. ใส่โยเกิร์ตและน้ำผึ้งลงไป ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนผสมให้เข้ากัน
  3. ร่อนแป้งกับผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือเข้าด้วยกัน
  4. แยกไข่แดงกับไข่ขาว เตรียมไว้
  5. หั่นเนยสดเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นตีเนยให้กระจายตัว ทยอยใส่น้ำตาลทรายแดง ตีส่วนผสมให้ฟู และมีสีอ่อนลง จากนั้นค่อย ๆ ใส่ไข่ทีละฟอง ตีผสมต่อให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ปาดอ่าง แล้วใส่แป้งลงไปตีให้เข้ากัน
  6. ใส่ส่วนผสมมะตูมที่เตรียมไว้ลงไปตีให้เข้ากัน ใส่สลับกันระหว่างแป้งกับนม
  7. ใส่ไข่ขาวลงในชามสะอาด (ห้ามมีไขมันเด็ดขาด) จากนั้นตีไข่ขาวจนเป็นฟอง แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ ทยอยใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป ตีจนไข่ขาวตั้งยอด นำไข่ขาวมาผสมกับส่วนผสมแป้ง ใช้พายยางคนให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์
    นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบนล่าง เป็นเวลา 25 นาทีหรือจนสุก นำออกจากเตาพักให้เย็นบนตะแกรงพักขนม โรยมะตูมสับลงบนหน้าขนม ราดด้วยไอซิ่งเกลซ ตกแต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
ส่วนผสม ไอซิ่งเกลซ
  • น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
  • น้ำมะตูม 1 ช้อนชา

วิธีทำไอซิ่งเกลซ

► น้ำตาลไอซิ่งมาผสมกับน้ำมะตูม คนผสมให้เข้ากัน (ถ้าเหนียวไป เติมน้ำ) เตรียมไว้ (ถ้ากลัวหวานเกินไปไม่ต้องราดเกลซก็ได้)

4. มูสเค้กส้ม

         ใครไม่มีเตาอบก็ทำเค้กหน้าผลไม้ได้ พบกับเมนูมูสเค้กส้ม สูตรนี้ฐานเค้กทำจากขนมปังกรอบ ส่วนตัวเค้กทำจากโยเกิร์ต ท็อปด้วยผลส้มสดและราดด้วยเยลลี่ส้ม
ส่วนผสม ฐานเค้ก (ขนาดพิมพ์ 1 ปอนด์)
  • ขนมปังอบกรอบ 120 กรัม
  • เนยละลาย 60 กรัม
ส่วนผสม โยเกิร์ตมูส (Yogurt Mousse)
  • เจลาตินผง 2 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 200 กรัม
  • วิปปิ้งครีม 250 กรัม
  • น้ำส้มชนิดเข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลไอซิ่ง 25 กรัม

หมายเหตุ : สามารถใส่ผิวส้มเพิ่มความหอมลงไปได้

ส่วนผสม เยลลี่ส้ม
  • น้ำร้อน 45 กรัม
  • น้ำส้มชนิดเข้มข้น 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 15 กรัม
  • เจลาติน 1/2 ช้อนชา
  • น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผสมเจลาติน)
  • ส้มแมนดาริน 1 ลูก

วิธีทำโยเกิร์ตมูสเค้กส้ม

  1. ผสมเจลาตินกับน้ำ พักไว้ 10 นาที
  2. บดหรือปั่นขนมปังอบกรอบ ผสมกับเนยละลาย คลุกเคล้าให้เข้ากัน เทใส่ในพิมพ์ที่เตรียมไว้ ปรับหน้าให้เรียบ แช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 30 นาที
  3. นำเจลาตินที่พักไว้เข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที ตักโยเกิร์ตผสมลงไปบางส่วน แล้วคนให้เข้ากัน
  4. เทโยเกิร์ตที่ผสมเจลาตินลงไปในชามโยเกิร์ต แล้วผสมน้ำส้มเข้มข้นลงไป คนจนเข้ากัน
  5. ตีวิปปิ้งครีมกับไอซิ่งจนตั้งยอด
  6. นำโยเกิร์ตที่ผสมไว้เทลงไปในวิปครีม ตีจนเข้ากัน เทใส่ไปในพิมพ์ เกลี่ยปรับหน้าให้เรียบ แล้วนำไปแช่ตู้เย็น 30 นาที
  7. ทำเยลลี่ โดยผสมเจลาตินกับน้ำแล้วพักไว้ให้เซตตัว 10 นาที แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟ 30 วินาที หลังจากนั้นผสมน้ำร้อนกับน้ำส้มเข้มข้น เติมน้ำตาลทรายคนให้ละลายเข้ากัน เทเจลาตินลงไปในถ้วยน้ำส้ม คนให้เข้ากันแล้วพักให้เย็นลง
  8. พอเค้กเซตตัวแล้วก็ตกแต่งด้วยส้ม พอเยลลี่เย็นลงแล้ว ก็นำมาเทราดบนหน้าเค้ก นำเค้กไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 5 ชั่วโมง
  9. พอเซตตัวแล้วนำผ้าชุบน้ำอุ่นพันรอบเค้กประมาณ 1-2 นาที เอามีดปลายแหลมแซะขอบ ๆ ตรงเยลลี่ แล้วนำเค้กออกมาจากพิมพ์

5. คัพเค้กอะโวคาโด

          อะโวคาโดกินเพียว ๆ ก็แอบเลี่ยนเหมือนกัน ลองแปลงร่างมาทำคัพเค้กอะโวคาโดสักหน่อยดีกว่า ตัวเค้กใส่อะโวคาโด เพิ่มความหอมจากน้ำกาแฟ แต่งหน้าด้วยครีมสดกับอะโวคาโด
ส่วนผสม คัพเค้กอะโวคาโด
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1+1/2 ถ้วย
  • ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • ผงกาแฟเอสเปรสโซ (Espresso Powder) 1 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  • อะโวคาโด 1/2 ลูกกลาง
  • น้ำตาลทรายป่น 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
ส่วนผสม ครีมฟรอสติ้ง
  • อะโวคาโด 1/2 ลูกกลาง
  • เนย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเลมอน 1+1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลไอซิ่ง 2 ถ้วย
ส่วนผสม สำหรับแต่ง
  • อะโวคาโดสไลซ์ 1 ลูก
  • ดอกเกลือ หรือเกลือ

วิธีทำคัพเค้กอะโวคาโด

  1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ และปูถ้วยคัพเค้กลงในพิมพ์ เตรียมไว้
  2. ทำคัพเค้กโดยเตรียมอ่างผสมขนาดใหญ่ ใส่แป้ง ผงโกโก้ ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือลงไป คนผสมพอเข้ากัน
  3. เตรียมอ่างผสมขนาดเล็ก ใส่ผงกาแฟกับน้ำเปล่า คนผสมจนเข้ากัน
  4. เตรียมอ่างผสมขนาดกลาง ใส่เนื้ออะโวคาโดลงไปบดจนละเอียด ใส่น้ำตาลทราย และน้ำตาลทรายแดงลงไป เติมน้ำส้มสายชู กลิ่นวานิลลา และน้ำกาแฟ คนผสมจนเข้ากัน เทใส่ลงในส่วนผสมแป้ง คนผสมจนเข้ากัน
  5. ตักส่วนผสมลงในพิมพ์คัพเค้ก นำไปอบประมาณ 20 นาทีหรือจนสุก สังเกตโดยเอาไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปในแป้งแล้วไม่มีส่วนผสมแป้งติดขึ้นมา
  6. ทำฟรอสติ้งโดยตีผสมอะโวคาโดกับเนยจนเนียน เติมน้ำเลมอนกับน้ำตาลไอซิ่ง ตีผสมจนเข้ากัน เทใส่ถุงบีบ บีบแต่งหน้าคัพเค้กให้สวยงาม ท็อปด้วยอะโวคาโดและโรยเกลือเล็กน้อย

6. เค้กเมลอน

          อยากกินต้องได้กินกับเมนูเค้กเมลอน จับเมลอนผสมกับแป้งเค้ก สลับชั้นด้วยมูสเมลอน และชั้นเจลลี่เมลอน ท็อปด้วยเมลอนก้อนกลม
ส่วนผสม เค้กเมลอน
  • แป้งอเนกประสงค์ 1+2/3 ถ้วย
  • ผงฟู 2 ช้อนชา
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง
  • น้ำตาลทราย (1) 2/3 ถ้วย
  • เนื้อเมลอนพันธุ์มรกต (1) 1 ถ้วย
  • นมสดรสเมลอน (1) 1/3 ถ้วย
  • น้ำมันพืช 1/3 ถ้วย
  • นมสดรสเมลอน (2) 1/3 ถ้วย
  • เจลาติน (1) 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  • เนื้อเมลอนพันธุ์มรกต (2) 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย (2) 3/4 ถ้วย
  • วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย
  • เนื้อเมลอนพันธุ์มรกต (3) 2 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  • เจลาติน (2) 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำเค้กเมลอน

  1. ทำเค้กโดยร่อนแป้งอเนกประสงค์ ผงฟูและเกลือเข้าด้วยกัน พักไว้ ผสมไข่ไก่ น้ำตาลทราย (1) น้ำมันพืช เนื้อเมลอน (1) และนมสด (1) ลงในโถปั่น เดินเครื่องไปจนส่วนผสมเนียน เทลงไปคนกับส่วนผสมแป้ง คนให้เข้ากัน เทใส่ถาดอบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15-20 นาที หรือจนสุก นำออกมาวางพักให้เย็น
  2. ทำมูสโดยเทนมสด (2) ลงในหม้อขนาดเล็ก ใส่เจลาติน (1) ลงไป รอจนเจลาตินขึ้นฟู เทน้ำตาลทราย (2) และวิปปิ้งครีมลงไป ตั้งไฟอ่อนคนไปเรื่อย ๆ จนเจลาตินและน้ำตาลทรายละลาย จากนั้นเทลงในโถปั่น ใส่เนื้อเมลอน (2) ลงไปแล้วเดินเครื่องจนส่วนผสมเนียน
  3. ตัดเค้กเมลอนที่เย็นตัวแล้วใส่ลงในพิมพ์ เทมูสเมลอนลงไปเกลี่ยให้เรียบแล้วนำไปแช่เย็นจนมูสเซตตัว
  4. ทำเจลลี่เมลอนโดยนำเนื้อเมลอน (3) ผสมน้ำเปล่าแล้วนำไปปั่นในโถปั่น กรองด้วยกระชอนหรือผ้าขาวบาง ใส่เจลาติน (2) ลงไปรอจนเจลาตินขึ้น จากนั้นนำไปเข้าไมโครเวฟประมาณ 40-50 วินาที จนเจลาตินละลายแล้วค่อย ๆ ตักราดลงไปบนมูสเมลอนจนเต็มพิมพ์ นำไปแช่เย็นจนกว่าจะเสิร์ฟ

เคล็ดลับ : เสิร์ฟพร้อมเมลอนสดที่นำไปแช่ในน้ำเชื่อมหรือสปาร์กลิงไวน์

7. ชีสเค้กนูเทลล่ากีวี

          ลายสวยจริง ๆ สำหรับเมนูชีสเค้กนูเทลล่ากีวี ตัวชีสเค้กสีขาวสลับชั้นกับชีสเค้กนูเทลล่าที่วาดลวดลายตามชอบ ท็อปด้วยผลไม้สดตัดเลี่ยน
ส่วนผสม ชีสเค้กนูเทลล่า
  • แครกเกอร์ 250 กรัม
  • เนยจืด 6 ช้อนโต๊ะ (80 กรัม)
  • ครีมชีส 750 กรัม (ก่อนทำต้องทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อน)
  • วิปปิ้งครีม 3/4 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ (175 กรัม)
  • ช็อกโกแลตนูเทลล่า 2/3 ถ้วย(190 กรัม)
  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (200 กรัม)
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • ท็อปปิ้งด้านบนตามใจชอบ เช่น กีวี
อุปกรณ์
     ► พิมพ์เค้กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10×10 นิ้ว

วิธีทำชีสเค้กนูเทลล่า

  1. บดแครกเกอร์ให้ละเอียด อาจจะใช้เครื่องปั่นก็ได้ แต่ถ้าไม่มีก็ลองใส่ในถุงแกงสะอาด ๆ แล้วปิดปากถุง ใช้สากหรือไม้ทุบเอาก็ได้
  2. นำเนยเข้าไปละลายในไมโครเวฟ
  3. จากนั้นก็นำแครกเกอร์ที่บดเสร็จแล้วมาคลุกเคล้ากับเนยละลายให้เข้ากัน เทส่วนผสมแครกเกอร์ใส่ในพิมพ์เค้กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10×10 นิ้ว ใช้ช้อนเกลี่ยให้ทั่วเสมอกันแล้วกดให้แน่น
  4. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เปิดพัดลม นำฐานชีสเค้กเข้าไปอบประมาณ 15 นาที
  5. ระหว่างรอก็มาเริ่มทำส่วนที่เป็นครีมชีสกัน ผสมครีมชีสกับวิปปิ้งครีมเข้าด้วยกันแล้วตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อให้ง่ายขึ้นควรหั่นครีมชีสเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อน ถ้าไม่มีเครื่องตีก็ต้องใช้มือตี
  6. ใส่แป้งข้าวโพดกับน้ำตาลทรายลงไปแล้วตีให้เข้ากัน จากนั้นใส่ไข่ไก่กับกลิ่นวานิลลาลงไป ตีจนกว่าเนื้อจะเนียน
  7. แบ่งส่วนครีมชีสออกมาประมาณ 1/3 ส่วน สำหรับทำครีมชีสนูเทลล่า
  8. ใส่นูเทลล่าลงไปแล้วตีเป็นเนื้อเดียวกัน เทลงแม่พิมพ์ เทครีมชีสธรรมดาลงไปก่อนแล้วเกลี่ยให้เรียบ เทครีมชีสนูเทลล่าตามลงไปโดยเทให้ทั่ว ๆ ต้องค่อย ๆ เท ไม่เช่นนั้นอาจจะจมลงไปข้างล่างเยอะเกินไป จะไม่สวย จากนั้นก็ใช้ไม้จิ้มฟันขีดวาดเป็นลายแล้วแต่ชอบ
  9. จากนั้นก็นำไปเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เปิดพัดลม ประมาณ 50 นาที ระหว่างรอก็ทำความสะอาดอุปกรณ์ไปพลาง ๆ
  10. นำออกจากเตาอบมาตั้งทิ้งไว้จนเป็นอุณหภูมิห้อง นำออกจากแม่พิมพ์ จากนั้นก็นำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ทั้งคืน แต่ต้องหาอะไรมาครอบไว้ให้มิดชิดด้วย
  11. นำออกจากตู้เย็นตอนเช้า ตกแต่งท็อปปิ้งตามใจชอบ อาจจะใช้พวกผลไม้ หรือขนมชิ้นเล็ก ๆ ก็น่ารักไปอีกแบบ

8. เค้กไมโครเวฟสตรอว์เบอร์รี

          ใครมีไมโครเวฟไปปัดฝุ่นรอเลยจะได้ทำเมนูเค้กไมโครเวฟสตรอว์เบอร์รีสักถ้วย โดยผสมแป้ง น้ำตาลทราย และไข่ไก่ตีจนเข้ากัน เทลงในถ้วยทนความร้อนแล้วเอาไปอบจนสุก นำออกมาพรมน้ำส้มและบีบวิปครีมลงไป แต่งหน้าด้วยแยมและผลไม้สด
ส่วนผสม เค้กไมโครเวฟ
  • ไข่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์  8 ช้อนโต๊ะ (หรือแป้งเค้ก)
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • ผงวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เนยละลาย 6 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำมันพืช)
  • น้ำส้ม
  • วิปปิ้งครีมสำเร็จรูป
  • แยมสตรอว์เบอร์รี (หรือรสอื่นตามชอบ)
  • ผลไม้ตามชอบ (สตรอว์เบอร์รีสด,ราสป์เบอร์รีสด)

วิธีทำเค้กไมโครเวฟ

  1. ตีผสมไข่ไก่กับน้ำตาลด้วยตะกร้อมือพอให้เข้ากันและน้ำตาลทรายละลาย เติมแป้ง ผงฟู และผงวานิลลาลงไปตีให้เข้ากัน ใส่เนยละลายลงไป ตีให้เข้ากันอีกครั้ง
  2. ทาเนยในถ้วยสำหรับนำเข้าไมโครเวฟและโรยแป้งลงไป ตักส่วนผสมใส่ถ้วย นำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟร้อนปานกลาง อบนานประมาณ 3 นาที (เคล็ดลับ : ทาเนยและโรยแป้งสาลีที่ถ้วยก่อน จะช่วยให้นำเค้กออกจากตัวถ้วยได้ง่ายขึ้น)
  3. นำเค้กออกจากไมโครเวฟ พักไว้จนเย็น จากนั้นนำออกจากถ้วยแล้วลอกแป้งส่วนที่ไม่สวยทิ้งไป
  4. ตัดแบ่งครึ่งเค้ก แล้วพรมน้ำส้มลงไปให้ทั่ว เตรียมไว้ (มีเคล็ดลับมาฝากด้วยจ้า ให้นำน้ำส้มมาพรมตัวเค้กให้ทั่วก่อนที่จะแต่งหน้าเค้ก จะทำให้เค้กไม่แข็งและนุ่มขึ้น)
  5. บีบวิปปิ้งครีมลงบนเค้กแผ่นที่ 1 ตามด้วยแยมและผลไม้สดหั่นเป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำเค้กอีกแผ่นมาประกบแล้วบีบวิปปิ้งครีมทับลงไป แต่งด้วยผลไม้สดอีกครั้งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
          นานมาแล้วที่ไม่ได้ทำเมนูเค้กหน้าผลไม้ วันนี้ว่าง ๆ เลยขอเคาะสนิมทำเค้กสักก้อนดีกว่า กะว่าจะทำเค้กหน้าผลไม้รวมเพราะได้กินผลไม้ทุกอย่างที่ชอบในก้อนเดียว