สายเค้กห้ามพลาด ! พบกับเมนูเค้กหน้าผลไม้ สูตรขนมอร่อยนุ่มละมุนเบอร์แรง รสชาติหวานน้อย เติมผลไม้เพื่อสุขภาพ
ใครจะไปรู้ว่าผลไม้ที่คุ้นเคยจะเอามาตกแต่งทำเป็นเค้กหน้าผลไม้ได้สวยงาม ดูมีประโยชน์และไม่เลี่ยนด้วย กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเค้กหน้าผลไม้ มีทั้งเค้กหน้าผลไม้สดและเค้กหน้าผลไม้แห้ง เช่น มูสเค้กส้ม คัพเค้กอะโวคาโด เค้กเมลอน ชีสเค้กนูเทลล่ากีวี เตรียมผลไม้ที่ชอบรอได้เลยค่ะ
1. อัพไซด์ดาวน์เค้กสับปะรด
ลองมาทำอัพไซด์ดาวน์เค้กสับปะรดเป็นเค้กวันเกิดคนพิเศษกันดีไหม จุดเด่นคือสับปะรดท็อปบนเนื้อเค้ก พ่วงความหวานหอมของซอสคาราเมล แค่คำเดียวก็ฟินแล้ว
ส่วนผสมเค้กชิฟฟ่อน (ใช้พิมพ์ขันข้าวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร ได้ขนมจำนวน 8 ถ้วย)
ส่วนผสม ไข่แดง
- ไข่แดง 4 ฟอง
- น้ำตาลทราย 40 กรัม
- นมข้นจืด หรือน้ำ 80 กรัม
- น้ำมันพืช 50 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 100 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
- ส่วนผสม ไข่ขาว
- ไข่ขาว 4 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 45 กรัม
ส่วนผสม คาราเมล
- น้ำตาลทราย 160 กรัม
- น้ำ 50 กรัม
- น้ำร้อนจัด 1 ช้อนชา
- ส่วนผสม สำหรับแต่ง
- สับปะรดกระป๋อง 1 กระป๋อง
- เชอร์รีเชื่อม 8 ลูก
วิธีทำอัพไซด์ดาวน์เค้กสับปะรด
- ทำคาราเมล โดยใส่น้ำตาลทรายกับน้ำลงไปในหม้อต้ม ต้มด้วยไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง หรือน้ำตาล พอมีกลิ่นไหม้นิด ๆ ดับเตา ใส่น้ำร้อนจัดลงไปเพื่อให้ลดความร้อนลง ยกออกจากเตาทันที เทใส่ในพิมพ์ พักให้เซตตัวประมาณ 10 นาที
- ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลจนน้ำตาลทรายละลาย พอเข้ากันแล้วใส่นม น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลาลงไป ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟู และเกลือป่น (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน
- ทำส่วนผสมไข่ขาวโดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีพอเข้ากัน ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด
- ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน
- พอคาราเมลเซตตัวแข็งแล้ว นำสับปะรดวางลงไป ตามด้วยเชอรีเชื่อม บีบเค้กลงไปในพิมพ์ประมาณ 3/4 ถ้วย เคาะไล่ฟองอากาศ นำไปอบที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม เป็นเวลาประมาณ 35-40 นาที
- พออบเสร็จ นำน้ำร้อนเทลงไปในถาด พักไว้ 5-10 นาที ก่อนนำเค้กออกจากพิมพ์
2. เค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รี
ถ้าเบื่อกับเนื้อเค้กแบบเดิม ๆ ลองเปลี่ยนมาทำเค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รีสิคะ เนื้อเค้กทำจากเลดี้ฟิงเกอร์ หยอดมูสสตรอว์เบอร์รีลงไป และท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รีสด
ส่วนผสม เลดี้ฟิงเกอร์
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 45 กรัม
- ไข่ขาว 3 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 45 กรัม
- แป้งเค้ก 90 กรัม
- ใช้พิมพ์ถอดก้นได้ขนาด 2 ปอนด์ (ใช้พิมพ์ 1 ปอนด์ ทำไกด์วาดเป็นวงกลมเพื่อบีบรูปก้นหอย)
ส่วนผสม มูสสตรอว์เบอร์รี
- เจลาตินผง 2 ช้อนชา
- สตรอว์เบอร์รีสดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 125 กรัม
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
- น้ำเลมอน 5 กรัม (ใช้น้ำมะนาวแทนก็ได้)
- วิปปิ้งครีม 300 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง
วิธีทำเค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รี
- ทำเลดี้ฟิงเกอร์ โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) จนไข่สีอ่อนลง
- ตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ และน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) ลงไป น้ำตาลทรายควรจะแบ่งใส่สัก 3 รอบ แล้วตีจนตั้งยอดกลาง
- ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ลงในชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน แล้วเทกลับลงไปในชามไข่ขาว ตะล่อมจนเนียนเข้ากัน
- ร่อนแป้งเค้กลงไปบางส่วน แล้วใช้ไม้พายตะล่อมอย่างเบามือจนเข้ากัน ร่อนแป้งเค้กส่วนที่เหลือลงไป (แบ่งแป้งใส่สัก 3 รอบ) แล้วนำไปใส่ถุงบีบ
- ใช้พิมพ์ 1 ปอนด์ ทำไกด์วาดเป็นวงกลมเพื่อบีบรูปก้นหอย (อย่าลืมพลิกด้านกระดาษ ก่อนวาดควรทาไขมันที่กระดาษไขก่อน) วาดทั้งหมด 2 ชิ้น แล้วบีบเป็นเส้นยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร ให้ห่างกันสักเล็กน้อย บีบต่อกันไปเรื่อย ๆ จนหมดค่ะ หลังจากนั้นร่อนน้ำตาลไอซิ่งให้ทั่ว แล้วพักไว้ 5-10 นาที ให้น้ำตาลซึมเข้าไปในตัวเค้ก
- นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 10 นาที พออบเสร็จแล้วพักให้เย็นแล้วใช้มีดหรือสปาตูลาแซะออกมา
- ทำมูสสตรอว์เบอร์รี โดยผสมเจลาตินกับน้ำพักไว้ 10 นาที
- นำสตรอว์เบอร์รีหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไปต้มกับน้ำตาลทรายและน้ำมะนาวจนเดือด แล้วใส่เจลาตินลงไป ต้มจนเจลาตินละลาย แล้วปิดเตา เทใส่ชามพักไว้จนเย็นสนิท
- ตีน้ำตาลไอซิ่งกับวิปปิ้งครีมจนตั้งยอด แล้วเทซอสสตรอว์เบอร์รีลงไปตะล่อมให้เข้ากัน
- ใช้มีดตัดตรงกลางเลดี้ฟิงเกอร์ แบ่งเป็น 2 ส่วน วางตัวเลดี้ฟิงเกอร์รอบ ๆ พิมพ์ แล้ววางตัวก้นหอยไว้ที่ฐาน กดให้แนบพิมพ์
- แบ่งมูสเป็น 2 ส่วน เทใส่ชั้นแรกแล้วปรับหน้าเรียบ วางตัวก้นหอยลงไป แล้วเทมูสส่วนที่เหลือลงไป ปรับหน้าให้เรียบสวยงาม แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 5 ชั่วโมง
- พอเซตตัวแล้วก็ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี โรยด้วยไอซิ่งก็ได้ แล้วแต่เราชอบเลย
3. เค้กมะตูม
เค้กหน้าผลไม้สดก็กินบ่อยแล้ว ลองเปลี่ยนมาทำเค้กหน้าผลไม้แห้งดีกว่า ยกตัวอย่างเค้กมะตูม ความพิเศษคือเนื้อเค้กใส่เนื้อมะตูม เท่านั้นยังไม่พอยังตกแต่งหน้าเค้กด้วยมะตูมราดไอซิ่งเกลซด้วย
ส่วนผสม เค้กมะตูม
- มะตูมเชื่อมหั่นเป็นชิ้นเล็ก 200 กรัม
- โยเกิร์ต 65 กรัม
- น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 115 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
- ไข่ไก่เบอร์ 1 จำนวน 3 ฟอง
- เนยสดจืด 110 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม
- น้ำตาลทรายแดง 70 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
วิธีทำเค้กมะตูม
- หั่นมะตูมเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่อ่างผสม เตรียมไว้
- ใส่โยเกิร์ตและน้ำผึ้งลงไป ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนผสมให้เข้ากัน
- ร่อนแป้งกับผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือเข้าด้วยกัน
- แยกไข่แดงกับไข่ขาว เตรียมไว้
- หั่นเนยสดเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นตีเนยให้กระจายตัว ทยอยใส่น้ำตาลทรายแดง ตีส่วนผสมให้ฟู และมีสีอ่อนลง จากนั้นค่อย ๆ ใส่ไข่ทีละฟอง ตีผสมต่อให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ปาดอ่าง แล้วใส่แป้งลงไปตีให้เข้ากัน
- ใส่ส่วนผสมมะตูมที่เตรียมไว้ลงไปตีให้เข้ากัน ใส่สลับกันระหว่างแป้งกับนม
- ใส่ไข่ขาวลงในชามสะอาด (ห้ามมีไขมันเด็ดขาด) จากนั้นตีไข่ขาวจนเป็นฟอง แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ ทยอยใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป ตีจนไข่ขาวตั้งยอด นำไข่ขาวมาผสมกับส่วนผสมแป้ง ใช้พายยางคนให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์
นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบนล่าง เป็นเวลา 25 นาทีหรือจนสุก นำออกจากเตาพักให้เย็นบนตะแกรงพักขนม โรยมะตูมสับลงบนหน้าขนม ราดด้วยไอซิ่งเกลซ ตกแต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
ส่วนผสม ไอซิ่งเกลซ
- น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
- น้ำมะตูม 1 ช้อนชา
วิธีทำไอซิ่งเกลซ
► น้ำตาลไอซิ่งมาผสมกับน้ำมะตูม คนผสมให้เข้ากัน (ถ้าเหนียวไป เติมน้ำ) เตรียมไว้ (ถ้ากลัวหวานเกินไปไม่ต้องราดเกลซก็ได้)
4. มูสเค้กส้ม
ใครไม่มีเตาอบก็ทำเค้กหน้าผลไม้ได้ พบกับเมนูมูสเค้กส้ม สูตรนี้ฐานเค้กทำจากขนมปังกรอบ ส่วนตัวเค้กทำจากโยเกิร์ต ท็อปด้วยผลส้มสดและราดด้วยเยลลี่ส้ม
ส่วนผสม ฐานเค้ก (ขนาดพิมพ์ 1 ปอนด์)
- ขนมปังอบกรอบ 120 กรัม
- เนยละลาย 60 กรัม
ส่วนผสม โยเกิร์ตมูส (Yogurt Mousse)
- เจลาตินผง 2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 200 กรัม
- วิปปิ้งครีม 250 กรัม
- น้ำส้มชนิดเข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลไอซิ่ง 25 กรัม
หมายเหตุ : สามารถใส่ผิวส้มเพิ่มความหอมลงไปได้
ส่วนผสม เยลลี่ส้ม
- น้ำร้อน 45 กรัม
- น้ำส้มชนิดเข้มข้น 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 15 กรัม
- เจลาติน 1/2 ช้อนชา
- น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผสมเจลาติน)
- ส้มแมนดาริน 1 ลูก
วิธีทำโยเกิร์ตมูสเค้กส้ม
- ผสมเจลาตินกับน้ำ พักไว้ 10 นาที
- บดหรือปั่นขนมปังอบกรอบ ผสมกับเนยละลาย คลุกเคล้าให้เข้ากัน เทใส่ในพิมพ์ที่เตรียมไว้ ปรับหน้าให้เรียบ แช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 30 นาที
- นำเจลาตินที่พักไว้เข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที ตักโยเกิร์ตผสมลงไปบางส่วน แล้วคนให้เข้ากัน
- เทโยเกิร์ตที่ผสมเจลาตินลงไปในชามโยเกิร์ต แล้วผสมน้ำส้มเข้มข้นลงไป คนจนเข้ากัน
- ตีวิปปิ้งครีมกับไอซิ่งจนตั้งยอด
- นำโยเกิร์ตที่ผสมไว้เทลงไปในวิปครีม ตีจนเข้ากัน เทใส่ไปในพิมพ์ เกลี่ยปรับหน้าให้เรียบ แล้วนำไปแช่ตู้เย็น 30 นาที
- ทำเยลลี่ โดยผสมเจลาตินกับน้ำแล้วพักไว้ให้เซตตัว 10 นาที แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟ 30 วินาที หลังจากนั้นผสมน้ำร้อนกับน้ำส้มเข้มข้น เติมน้ำตาลทรายคนให้ละลายเข้ากัน เทเจลาตินลงไปในถ้วยน้ำส้ม คนให้เข้ากันแล้วพักให้เย็นลง
- พอเค้กเซตตัวแล้วก็ตกแต่งด้วยส้ม พอเยลลี่เย็นลงแล้ว ก็นำมาเทราดบนหน้าเค้ก นำเค้กไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 5 ชั่วโมง
- พอเซตตัวแล้วนำผ้าชุบน้ำอุ่นพันรอบเค้กประมาณ 1-2 นาที เอามีดปลายแหลมแซะขอบ ๆ ตรงเยลลี่ แล้วนำเค้กออกมาจากพิมพ์
5. คัพเค้กอะโวคาโด
อะโวคาโดกินเพียว ๆ ก็แอบเลี่ยนเหมือนกัน ลองแปลงร่างมาทำคัพเค้กอะโวคาโดสักหน่อยดีกว่า ตัวเค้กใส่อะโวคาโด เพิ่มความหอมจากน้ำกาแฟ แต่งหน้าด้วยครีมสดกับอะโวคาโด
ส่วนผสม คัพเค้กอะโวคาโด
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1+1/2 ถ้วย
- ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- ผงกาแฟเอสเปรสโซ (Espresso Powder) 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 1 ถ้วย
- อะโวคาโด 1/2 ลูกกลาง
- น้ำตาลทรายป่น 1 ถ้วย
- น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
ส่วนผสม ครีมฟรอสติ้ง
- อะโวคาโด 1/2 ลูกกลาง
- เนย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเลมอน 1+1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลไอซิ่ง 2 ถ้วย
ส่วนผสม สำหรับแต่ง
- อะโวคาโดสไลซ์ 1 ลูก
- ดอกเกลือ หรือเกลือ
วิธีทำคัพเค้กอะโวคาโด
- เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ และปูถ้วยคัพเค้กลงในพิมพ์ เตรียมไว้
- ทำคัพเค้กโดยเตรียมอ่างผสมขนาดใหญ่ ใส่แป้ง ผงโกโก้ ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือลงไป คนผสมพอเข้ากัน
- เตรียมอ่างผสมขนาดเล็ก ใส่ผงกาแฟกับน้ำเปล่า คนผสมจนเข้ากัน
- เตรียมอ่างผสมขนาดกลาง ใส่เนื้ออะโวคาโดลงไปบดจนละเอียด ใส่น้ำตาลทราย และน้ำตาลทรายแดงลงไป เติมน้ำส้มสายชู กลิ่นวานิลลา และน้ำกาแฟ คนผสมจนเข้ากัน เทใส่ลงในส่วนผสมแป้ง คนผสมจนเข้ากัน
- ตักส่วนผสมลงในพิมพ์คัพเค้ก นำไปอบประมาณ 20 นาทีหรือจนสุก สังเกตโดยเอาไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปในแป้งแล้วไม่มีส่วนผสมแป้งติดขึ้นมา
- ทำฟรอสติ้งโดยตีผสมอะโวคาโดกับเนยจนเนียน เติมน้ำเลมอนกับน้ำตาลไอซิ่ง ตีผสมจนเข้ากัน เทใส่ถุงบีบ บีบแต่งหน้าคัพเค้กให้สวยงาม ท็อปด้วยอะโวคาโดและโรยเกลือเล็กน้อย
6. เค้กเมลอน
อยากกินต้องได้กินกับเมนูเค้กเมลอน จับเมลอนผสมกับแป้งเค้ก สลับชั้นด้วยมูสเมลอน และชั้นเจลลี่เมลอน ท็อปด้วยเมลอนก้อนกลม
ส่วนผสม เค้กเมลอน
- แป้งอเนกประสงค์ 1+2/3 ถ้วย
- ผงฟู 2 ช้อนชา
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- น้ำตาลทราย (1) 2/3 ถ้วย
- เนื้อเมลอนพันธุ์มรกต (1) 1 ถ้วย
- นมสดรสเมลอน (1) 1/3 ถ้วย
- น้ำมันพืช 1/3 ถ้วย
- นมสดรสเมลอน (2) 1/3 ถ้วย
- เจลาติน (1) 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อเมลอนพันธุ์มรกต (2) 2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย (2) 3/4 ถ้วย
- วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย
- เนื้อเมลอนพันธุ์มรกต (3) 2 ถ้วย
- น้ำเปล่า 1 ถ้วย
- เจลาติน (2) 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเค้กเมลอน
- ทำเค้กโดยร่อนแป้งอเนกประสงค์ ผงฟูและเกลือเข้าด้วยกัน พักไว้ ผสมไข่ไก่ น้ำตาลทราย (1) น้ำมันพืช เนื้อเมลอน (1) และนมสด (1) ลงในโถปั่น เดินเครื่องไปจนส่วนผสมเนียน เทลงไปคนกับส่วนผสมแป้ง คนให้เข้ากัน เทใส่ถาดอบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15-20 นาที หรือจนสุก นำออกมาวางพักให้เย็น
- ทำมูสโดยเทนมสด (2) ลงในหม้อขนาดเล็ก ใส่เจลาติน (1) ลงไป รอจนเจลาตินขึ้นฟู เทน้ำตาลทราย (2) และวิปปิ้งครีมลงไป ตั้งไฟอ่อนคนไปเรื่อย ๆ จนเจลาตินและน้ำตาลทรายละลาย จากนั้นเทลงในโถปั่น ใส่เนื้อเมลอน (2) ลงไปแล้วเดินเครื่องจนส่วนผสมเนียน
- ตัดเค้กเมลอนที่เย็นตัวแล้วใส่ลงในพิมพ์ เทมูสเมลอนลงไปเกลี่ยให้เรียบแล้วนำไปแช่เย็นจนมูสเซตตัว
- ทำเจลลี่เมลอนโดยนำเนื้อเมลอน (3) ผสมน้ำเปล่าแล้วนำไปปั่นในโถปั่น กรองด้วยกระชอนหรือผ้าขาวบาง ใส่เจลาติน (2) ลงไปรอจนเจลาตินขึ้น จากนั้นนำไปเข้าไมโครเวฟประมาณ 40-50 วินาที จนเจลาตินละลายแล้วค่อย ๆ ตักราดลงไปบนมูสเมลอนจนเต็มพิมพ์ นำไปแช่เย็นจนกว่าจะเสิร์ฟ
เคล็ดลับ : เสิร์ฟพร้อมเมลอนสดที่นำไปแช่ในน้ำเชื่อมหรือสปาร์กลิงไวน์
7. ชีสเค้กนูเทลล่ากีวี
ลายสวยจริง ๆ สำหรับเมนูชีสเค้กนูเทลล่ากีวี ตัวชีสเค้กสีขาวสลับชั้นกับชีสเค้กนูเทลล่าที่วาดลวดลายตามชอบ ท็อปด้วยผลไม้สดตัดเลี่ยน
ส่วนผสม ชีสเค้กนูเทลล่า
- แครกเกอร์ 250 กรัม
- เนยจืด 6 ช้อนโต๊ะ (80 กรัม)
- ครีมชีส 750 กรัม (ก่อนทำต้องทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อน)
- วิปปิ้งครีม 3/4 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ (175 กรัม)
- ช็อกโกแลตนูเทลล่า 2/3 ถ้วย(190 กรัม)
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (200 กรัม)
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
- ท็อปปิ้งด้านบนตามใจชอบ เช่น กีวี
อุปกรณ์
► พิมพ์เค้กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10×10 นิ้ว
วิธีทำชีสเค้กนูเทลล่า
- บดแครกเกอร์ให้ละเอียด อาจจะใช้เครื่องปั่นก็ได้ แต่ถ้าไม่มีก็ลองใส่ในถุงแกงสะอาด ๆ แล้วปิดปากถุง ใช้สากหรือไม้ทุบเอาก็ได้
- นำเนยเข้าไปละลายในไมโครเวฟ
- จากนั้นก็นำแครกเกอร์ที่บดเสร็จแล้วมาคลุกเคล้ากับเนยละลายให้เข้ากัน เทส่วนผสมแครกเกอร์ใส่ในพิมพ์เค้กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10×10 นิ้ว ใช้ช้อนเกลี่ยให้ทั่วเสมอกันแล้วกดให้แน่น
- วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เปิดพัดลม นำฐานชีสเค้กเข้าไปอบประมาณ 15 นาที
- ระหว่างรอก็มาเริ่มทำส่วนที่เป็นครีมชีสกัน ผสมครีมชีสกับวิปปิ้งครีมเข้าด้วยกันแล้วตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อให้ง่ายขึ้นควรหั่นครีมชีสเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อน ถ้าไม่มีเครื่องตีก็ต้องใช้มือตี
- ใส่แป้งข้าวโพดกับน้ำตาลทรายลงไปแล้วตีให้เข้ากัน จากนั้นใส่ไข่ไก่กับกลิ่นวานิลลาลงไป ตีจนกว่าเนื้อจะเนียน
- แบ่งส่วนครีมชีสออกมาประมาณ 1/3 ส่วน สำหรับทำครีมชีสนูเทลล่า
- ใส่นูเทลล่าลงไปแล้วตีเป็นเนื้อเดียวกัน เทลงแม่พิมพ์ เทครีมชีสธรรมดาลงไปก่อนแล้วเกลี่ยให้เรียบ เทครีมชีสนูเทลล่าตามลงไปโดยเทให้ทั่ว ๆ ต้องค่อย ๆ เท ไม่เช่นนั้นอาจจะจมลงไปข้างล่างเยอะเกินไป จะไม่สวย จากนั้นก็ใช้ไม้จิ้มฟันขีดวาดเป็นลายแล้วแต่ชอบ
- จากนั้นก็นำไปเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เปิดพัดลม ประมาณ 50 นาที ระหว่างรอก็ทำความสะอาดอุปกรณ์ไปพลาง ๆ
- นำออกจากเตาอบมาตั้งทิ้งไว้จนเป็นอุณหภูมิห้อง นำออกจากแม่พิมพ์ จากนั้นก็นำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ทั้งคืน แต่ต้องหาอะไรมาครอบไว้ให้มิดชิดด้วย
- นำออกจากตู้เย็นตอนเช้า ตกแต่งท็อปปิ้งตามใจชอบ อาจจะใช้พวกผลไม้ หรือขนมชิ้นเล็ก ๆ ก็น่ารักไปอีกแบบ
8. เค้กไมโครเวฟสตรอว์เบอร์รี
ใครมีไมโครเวฟไปปัดฝุ่นรอเลยจะได้ทำเมนูเค้กไมโครเวฟสตรอว์เบอร์รีสักถ้วย โดยผสมแป้ง น้ำตาลทราย และไข่ไก่ตีจนเข้ากัน เทลงในถ้วยทนความร้อนแล้วเอาไปอบจนสุก นำออกมาพรมน้ำส้มและบีบวิปครีมลงไป แต่งหน้าด้วยแยมและผลไม้สด
ส่วนผสม เค้กไมโครเวฟ
- ไข่ 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 8 ช้อนโต๊ะ (หรือแป้งเค้ก)
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- ผงวานิลลา 1 ช้อนชา
- เนยละลาย 6 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำมันพืช)
- น้ำส้ม
- วิปปิ้งครีมสำเร็จรูป
- แยมสตรอว์เบอร์รี (หรือรสอื่นตามชอบ)
- ผลไม้ตามชอบ (สตรอว์เบอร์รีสด,ราสป์เบอร์รีสด)
วิธีทำเค้กไมโครเวฟ
- ตีผสมไข่ไก่กับน้ำตาลด้วยตะกร้อมือพอให้เข้ากันและน้ำตาลทรายละลาย เติมแป้ง ผงฟู และผงวานิลลาลงไปตีให้เข้ากัน ใส่เนยละลายลงไป ตีให้เข้ากันอีกครั้ง
- ทาเนยในถ้วยสำหรับนำเข้าไมโครเวฟและโรยแป้งลงไป ตักส่วนผสมใส่ถ้วย นำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟร้อนปานกลาง อบนานประมาณ 3 นาที (เคล็ดลับ : ทาเนยและโรยแป้งสาลีที่ถ้วยก่อน จะช่วยให้นำเค้กออกจากตัวถ้วยได้ง่ายขึ้น)
- นำเค้กออกจากไมโครเวฟ พักไว้จนเย็น จากนั้นนำออกจากถ้วยแล้วลอกแป้งส่วนที่ไม่สวยทิ้งไป
- ตัดแบ่งครึ่งเค้ก แล้วพรมน้ำส้มลงไปให้ทั่ว เตรียมไว้ (มีเคล็ดลับมาฝากด้วยจ้า ให้นำน้ำส้มมาพรมตัวเค้กให้ทั่วก่อนที่จะแต่งหน้าเค้ก จะทำให้เค้กไม่แข็งและนุ่มขึ้น)
- บีบวิปปิ้งครีมลงบนเค้กแผ่นที่ 1 ตามด้วยแยมและผลไม้สดหั่นเป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำเค้กอีกแผ่นมาประกบแล้วบีบวิปปิ้งครีมทับลงไป แต่งด้วยผลไม้สดอีกครั้งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
นานมาแล้วที่ไม่ได้ทำเมนูเค้กหน้าผลไม้ วันนี้ว่าง ๆ เลยขอเคาะสนิมทำเค้กสักก้อนดีกว่า กะว่าจะทำเค้กหน้าผลไม้รวมเพราะได้กินผลไม้ทุกอย่างที่ชอบในก้อนเดียว