แค่เห็นก็น้ำย่อยเดินแล้ว ชวนทำเมนูเค้กชั้น สูตรขนมอร่อยนุ่มสลับชั้นกับไส้ต่าง ๆ หน้าตาดีแบบนี้แวะมาชิมกันหน่อยทุกคน
จากที่เคยทำเมนูเค้ก ตัดออกมามีแต่เนื้อแป้งล้วน ๆ ดูเชยไปหน่อย ลองสไลซ์เป็นชั้นแล้วปาดไส้ลงไปหน่อยสิคะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเค้กชั้น เช่น เค้กมะพร้าวอ่อน เค้กหน้านิ่ม เค้กชาเขียว ถ้าอยากรู้ว่าลองทำจริงไหมเลื่อนลงไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
1. เค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด
ใครชอบกินมะพร้าวต้องลอง พบกับเมนูเค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด สูตรจาก คุณ Yohan Nefia แป้งเค้กนุ่มใส่น้ำมะพร้าวสลับชั้นด้วยครีมใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนและท็อปด้วยครีมสดมะพร้าวอ่อน
ส่วนผสม ไส้ครีมมะพร้าวอ่อน
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 1 ลูก
- น้ำตาลทราย 25 กรัม
- กะทิกล่อง 125 มิลลิลิตร
- น้ำมะพร้าว 75 มิลลิลิตร
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- แป้งถั่วเขียว 30 กรัม
- เนยสด 15 กรัม
ส่วนผสม ครีมสดมะพร้าวอ่อน (สำหรับปาดหน้าเค้ก)
- วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนชา
- น้ำมะพร้าว 1 ช้อนชา
วิธีทำไส้ครีมมะพร้าวอ่อน
- นำเนื้อมะพร้าวอ่อน น้ำตาลทราย กะทิ น้ำมะพร้าว เกลือ และแป้งถั่วเขียวมาผสมกัน นำขึ้นตั้งไฟอย่าให้แรงมากแล้วคนเรื่อย ๆ จนข้นได้ที่ ปิดไฟแล้วใส่เนยสดลงไปคนให้ละลาย
- ขูดมะพร้าวอ่อนให้เป็นเส้น ๆ จากนั้นก็นำมาหั่นเป็นชิ้นตามชอบ พักทิ้งไว้
วิธีทำเค้กมะพร้าวอ่อน
- ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูอย่างน้อย 2 รอบ เตรียมไว้
- ผสมกะทิ ไข่แดง น้ำมันพืช และน้ำมะพร้าวเข้าด้วยกัน เทส่วนผสมแป้งลงไปคนเร็ว ๆ ให้เข้ากัน
- ตีไข่ขาวให้พอขึ้นฟอง ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์และค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายทีละน้อยจนไข่ขาวตั้งยอดปานกลางเกือบแข็ง
- เทใส่ลงในส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้ แล้วนำเข้าอบในพิมพ์ประมาณ 20 นาที
วิธีทำครีมสดปาดหน้าเค้ก
ตีผสมวิปปิ้งครีม น้ำตาลไอซิ่ง และน้ำมะพร้าวจนขึ้นฟู เตรียมไว้
วิธีประกอบตัวเค้ก
- หั่นเค้กเป็น 2 ชั้น ปาดไส้มะพร้าวลงไปตามชอบ
- ประกบเค้กทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน ทาครีมสดให้ทั่วหน้าเค้ก และราดเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปอีกครั้ง จากนั้นแช่เย็นให้แข็งตัว พร้อมเสิร์ฟ
2. เค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รี
และแล้วก็เจอเมนูเค้กชั้นหน้าตาดีเหมาะกับโอกาสพิเศษ นั่นคือเค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รี สูตรจาก ครัวป้ามารายห์ จับเลดี้ฟิงเกอร์ทำเป็นตัวเค้กพร้อมสลับชั้นกับมูสสตรอว์เบอร์รี แต่งหน้าด้วยสตรอว์เบอร์รีสด
ส่วนผสม เลดี้ฟิงเกอร์
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 45 กรัม
- ไข่ขาว 3 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 45 กรัม
- แป้งเค้ก 90 กรัม
- ใช้พิมพ์ถอดก้นได้ขนาด 2 ปอนด์ (ใช้พิมพ์ 1 ปอนด์ ทำไกด์วาดเป็นวงกลมเพื่อบีบรูปก้นหอย)
ส่วนผสม มูสสตรอว์เบอร์รี
- เจลาตินผง 2 ช้อนชา
- สตรอว์เบอร์รีสดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 125 กรัม
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
- น้ำเลมอน 5 กรัม (หรือน้ำมะนาว)
- วิปปิ้งครีม 300 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง
วิธีทำเค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รี
- ทำเลดี้ฟิงเกอร์ โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) จนไข่สีอ่อนลง
- ตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ และน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) ลงไป น้ำตาลทรายควรจะแบ่งใส่สัก 3 รอบนะคะ แล้วตีจนตั้งยอดกลาง ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ลงในชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน แล้วเทกลับลงไปในชามไข่ขาว ตะล่อมจนเนียนเข้ากัน
- ร่อนแป้งเค้กลงไปบางส่วน แล้วใช้ไม้พายตะล่อมอย่างเบามือจนเข้ากัน ร่อนแป้งเค้กส่วนที่เหลือลงไป (แบ่งแป้งใส่สัก 3 รอบ) แล้วนำไปใส่ถุงบีบ
- ใช้พิมพ์ 1 ปอนด์ ทำไกด์วาดเป็นวงกลมเพื่อบีบรูปก้นหอย (อย่าลืมพลิกด้านกระดาษ ก่อนวาดควรทาไขมันที่กระดาษไขก่อน) วาดทั้งหมด 2 ชิ้น แล้วบีบเป็นเส้นยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร ให้ห่างกันสักเล็กน้อย บีบต่อกันไปเรื่อย ๆ จนหมด หลังจากนั้นร่อนน้ำตาลไอซิ่งให้ทั่ว แล้วพักไว้ 5-10 นาที ให้น้ำตาลซึมเข้าไปในตัวเค้ก
- นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 10 นาที พออบเสร็จแล้วพักให้เย็นแล้วใช้มีดหรือสปาตูลาแซะออกมา
- ทำมูสสตรอว์เบอร์รี โดยผสมเจลาตินกับน้ำพักไว้ 10 นาที พอครบเวลานำสตรอว์เบอร์รีหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไปต้มกับน้ำตาลทรายและน้ำมะนาวจนเดือด แล้วใส่เจลาตินลงไป ต้มจนเจลาตินละลาย แล้วปิดเตา เทใส่ชามพักไว้จนเย็นสนิท
- ตีน้ำตาลไอซิ่งกับวิปปิ้งครีมจนตั้งยอด แล้วเทซอสสตรอว์เบอร์รีลงไปตะล่อมให้เข้ากัน
- ใช้มีดตัดตรงกลางเลดี้ฟิงเกอร์ แบ่งเป็น 2 ส่วน วางตัวเลดี้ฟิงเกอร์รอบ ๆ พิมพ์ แล้ววางตัวก้นหอยไว้ที่ฐาน กดให้แนบพิมพ์
- แบ่งมูสเป็น 2 ส่วน เทใส่ชั้นแรกแล้วปรับหน้าเรียบ วางตัวก้นหอยลงไป แล้วเทมูสส่วนที่เหลือลงไป ปรับหน้าให้เรียบสวยงาม แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 5 ชั่วโมง พอเซตตัวแล้วก็ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี โรยด้วยไอซิ่ง
3. เค้กมอคค่า
- ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 15 กรัม
- นมสด 40 กรัม
- กลิ่นกาแฟ หรือกลิ่นช็อกโกแลต 1/2 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 100 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เนยเค็มละลาย 80 กรัม
- น้ำร้อน 40 กรัม
- ผงกาแฟสำเร็จรูป 1 ช้อนชา
- ผงโกโก้ 10 กรัม
- ผงโกโก้ 10 กรัม
- ผงกาแฟสำเร็จรูป 1 ช้อนชา
- น้ำร้อน 30 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 80-90 กรัม
- เนยจืด 100 กรัม
- เนยขาว 120 กรัม
- ช็อกโกแลตคอมพาวด์ หรือดาร์กช็อกโกแลต 100 กรัม
วิธีทำเค้กมอคค่า
- ทำเค้กสปันจ์กาแฟ โดยตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพ (SP) หรือโอวาเล็ต ตีผสมจนไข่ฟูมีสีขาวนวลขึ้น
- ใส่ของเหลวที่ประกอบด้วยน้ำร้อนที่ชงกับผงโกโก้และผงกาแฟ นมสด เติมกลิ่นกาแฟ ตีไปสัก 5-10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้น 2-3 เท่า (Ribbon Stage) เวลายกตะกร้อแล้วส่วนผสมที่หยดลงมาไม่จมลงโถ จะลอยอยู่เหนือผิวหน้าด้านบน หลังจากนั้นใส่แป้งที่ร่อนกับผงฟูลงไป แนะนำให้ร่อนสัก 2 รอบ เค้กจะได้เบานุ่มยิ่งขึ้น เอาตะกร้อมือตะล่อมเบา ๆ ก่อน แป้งจะได้ไม่ฟุ้ง หลังจากนั้นก็ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี ลองเช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีให้ทำขั้นตอนต่อไป คือ ค่อย ๆ ใส่เนยละลายลงไป อย่าใส่ทีเดียวหมดนะคะ ระวังเค้กจะเป็นไต หลังจากใส่เนยหมดก็ตีต่ออีก 3-5 นาที
- เทใส่พิมพ์ เคาะพิมพ์ไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง เอาไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30-35 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม
- พออบเสร็จแล้วพักไว้บนตะแกรงจนเย็นสนิท และนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้เค้กเซตตัวก่อนนำมาแต่งหน้าสัก 2 ชั่วโมง
- ทำครีมบัตเตอร์กาแฟ โดยผสมผงโกโก้ ผงกาแฟ กับน้ำร้อน คนให้เข้ากัน แล้วเทลงชามน้ำตาลไอซิ่ง คนให้เข้ากันแล้วพักไว้
- ตีเนยสดกับเนยขาวจนขึ้นฟูแล้วเติมส่วนผสมของเหลวที่ผสมพักไว้ลงไป ตีจนเนยขึ้นฟูเป็นเนื้อครีม
- แบ่งเค้กเป็น 2 ส่วน ปาดครีมบนเค้กชิ้นแรกให้ทั่ว เอาอีกชิ้นมาประกบแล้วปาดครีมให้ทั่ว
- ละลายดาร์กช็อกโกแลต แล้วเทใส่พิมพ์ถอดก้นได้ เกลี่ยให้ทั่วแล้วเคาะสัก 3-4 ครั้ง เพื่อไล่ฟองอากาศ และปรับให้หน้าเรียบสวยงาม แล้วเอาไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 5-10 นาที พอเซตตัวแล้วก็เอาผ้าชุบน้ำอุ่นพันรอบพิมพ์ประมาณ 1 นาที แล้วก็แซะเอาช็อกโกแลตออกมา แบ่งเป็น 12 ชิ้น แต่เราจะวางบนเค้กแค่ 10 ชิ้น จัดวางเรียงให้สวยงาม และตกแต่งด้วยครีมบัตเตอร์กาแฟได้ตามจินตนาการ
4. เค้กเผือก
- ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 50-60 กรัม
- สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 10 กรัม
- น้ำ 25 กรัม
- นมสด หรือนมจืด 25 กรัม
- กลิ่นเผือก 1/2 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 80 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีม่วง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
- เนยเค็มละลาย 80 กรัม (พักให้อุ่นลง อย่าใส่ตอนร้อน)
- เผือกนึ่ง 400 กรัม
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา (ถ้าไม่ชอบเค็มก็ลดลงเหลือสัก 1/4 ช้อนชาก็ได้)
- น้ำมันพืช 100 กรัม (จะใช้กะทิแทนก็ได้)
- สีผสมอาหารสีม่วง
- วิปปิ้งครีม 300 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 30 กรัม
วิธีทำเค้กสปันจ์
- ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพเอสพีหรือโอวาเล็ต ตีผสมจนไข่ฟูมีสีขาวนวลขึ้น ใส่น้ำ นม และกลิ่นเผือก ตีต่อประมาณ 5-10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้น 2-3 เท่า
- พอฟูได้ที่แล้ว สังเกตจากเวลายกตะกร้อขึ้นมาแล้วส่วนผสมที่หยดลงมาไม่จมลงโถ จะลอยอยู่เหนือผิวหน้าด้านบน) ใส่แป้งที่ร่อนกับผงฟูลงไป (แนะนำให้ร่อนสัก 2 รอบ เค้กจะได้เบานุ่มยิ่งขึ้น) เอาตะกร้อตะล่อมเบา ๆ ก่อนเปิดเครื่อง แป้งจะได้ไม่ฟุ้ง
- หลังจากนั้นก็ตีด้วยความเร็วต่ำ ใส่สีผสมอาหารสีม่วงลงไป ตีประมาณ 3 นาที หรือจนเข้ากัน ลองเช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีให้ทำขั้นตอนต่อไป คือ ค่อย ๆ ใส่เนยละลายลงไป อย่าใส่ทีเดียวหมดนะคะ ระวังเค้กจะเป็นไต หลังจากใส่เนยหมด ก็ตีต่ออีก 3-5 นาที
- เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 35-40 นาที (แล้วแต่เตาแต่ละบ้าน ต้องลองเช็กเตาที่บ้านอีกที) พออบเสร็จแล้วพักไว้ให้เย็นสนิท และนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้เค้กเซตตัวก่อนนำมาแต่งหน้าสัก 2 ชั่วโมงหรือทั้งคืน
วิธีทำเผือกกวน
- นึ่งเผือกให้สุกแล้วนำมาบดให้ละเอียด ถ้าใครมีเครื่องปั่น พอนึ่งเผือกเสร็จแล้วรอให้อุ่นแล้วมาปั่นรวมกับส่วนผสมอื่น ๆ ใส่น้ำลงไปพอแค่ไม่ให้มันหนืดเกินไป แต่อาจจะกวนนานขึ้นหน่อย เพราะมีน้ำมันจะทำให้เผือกเหลว กวนจนได้ส่วนผสมที่ไม่แห้งมากจนเกินไป
- ใส่เผือกที่กวนลงไปในกระทะที่จะกวน เติมน้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำมันพืช กวนทุกอย่างให้ละลายเข้ากัน พอกวนได้ที่แล้วก็ใส่สีผสมอาหารสีม่วง คนให้ทั่วแล้วทำมากรองด้วยตะแกรงอีกที แล้วพักให้เย็น
วิธีทำครีมสดและขั้นตอนประกอบตัวเค้ก
- ตีวิปปิ้งครีมกับไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง เตรียมไว้
- แบ่งเค้กเป็น 2 ชั้น โดยปาดครีมลงไปที่ชั้นแรกก่อน แล้วปาดด้วยเผือกกวนทับลงไปอีกชั้น นำเค้กอีกแผ่นมาวางประกบ ปาดด้วยวิปครีมให้ทั่วทั้งก้อนเค้ก แต่งหน้าด้วยวิปครีม และเผือกกวนตามชอบ หลังจากนั้นแช่ตู้เย็นให้เค้กเซตตัวประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนนำมาตัดเสิร์ฟ
5. เค้กชาไทย
วันหยุดนี้ต้องลองทำเมนูเค้กชาไทยหน้านิ่ม (Thai Tea Cake) สูตรจาก ครัวป้ามารายห์ เนื้อเค้กหอมกลิ่นชาไทยสลับชั้นและท็อปด้วยชาไทยหน้านิ่ม แค่คำเดียวก็ฟินแล้ว
- ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 15 กรัม
- น้ำชาไทย 40 กรัม
- นมสด หรือนมจืด 40 กรัม
- กลิ่นชาไทย 1/2 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 100 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เนยเค็มละลาย 80 กรัม (พักให้อุ่นลง อย่าใส่ตอนร้อน)
- สีผสมอาหารสีส้ม (ไม่ใส่ก็ได้)
- ผงวุ้น 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 250 กรัม
- น้ำชาไทย 250 กรัม
- น้ำตาลทราย 70 กรัม
- นมข้นหวาน 80 กรัม
- แป้งข้าวโพด 35 กรัม
- นมสดหรือนมข้นจืด 100 กรัม
- เนยสดเค็ม 70 กรัม
- กลิ่นชาไทย 1 ช้อนชา
- น้ำร้อน 300-350 กรัม
- ผงชาไทย 3-5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเค้กชาไทยหน้านิ่ม
- ผสมผงชาไทยกับน้ำร้อนแล้วพักไว้ให้สีชาแก่ขึ้น แบ่งส่วนหนึ่งไว้ผสมทำเค้ก อีกส่วนไว้ทำหน้านิ่ม
- ทำเค้กชาไทย โดยตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพเอสพีหรือโอวาเล็ตจนขึ้นฟูหรือสีไข่ดูอ่อนลง
- เติมน้ำชาที่กรองไว้ นม และกลิ่นชาไทย ตีไปสัก 5-10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้น 2-3 เท่า สังเกตจากเวลายกตะกร้อแล้วส่วนผสมที่หยดลงมาไม่จมลงโถ จะลอยอยู่เหนือผิวหน้าด้านบน
- ใส่แป้งที่ร่อนกับผงฟูลงไป (แนะนำให้ร่อนสัก 2 รอบ เค้กจะได้เบานุ่มยิ่งขึ้น) เอาตะกร้อตะล่อมเบา ๆ ก่อนเปิดเครื่อง แป้งจะได้ไม่ฟุ้ง ตีประมาณ 3 นาที หลังจากนั้นก็ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี ลองเช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีให้ทำขั้นตอนต่อไป คือ ค่อย ๆ ใส่เนยละลายลงไป อย่าใส่ทีเดียวหมด ระวังเค้กจะเป็นไต หลังจากใส่เนยหมดก็ตีต่ออีก 3-5 นาที
- พอครบ 5 นาทีแล้วอย่าลืมเช็กก้นโถว่ามีเนยนอนก้นหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็เทใส่พิมพ์ 3 ปอนด์ที่เตรียมไว้เลย
- นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อบไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม เป็นเวลา 35-40 นาที แล้วแต่เตาแต่ละบ้าน ต้องลองเช็กเตาที่บ้านอีกที พออบเสร็จแล้วพักไว้ให้เย็นสนิท และนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้เค้กเซตตัวก่อนนำมาแต่งหน้าสัก 2 ชั่วโมงหรือข้ามคืน
- พอเค้กเซตตัวแล้วทำชาไทยหน้านิ่มต่อเลย ผสมผงวุ้นกับน้ำแล้วคนให้วุ้นละลาย และพักไว้ให้วุ้นเซตตัว 10 นาที
- ผสมน้ำตาลทรายกับนมข้นหวานลงในน้ำชาไทย คนให้เข้ากัน
- นำหม้อที่ผสมผงวุ้นพักไว้ไปต้มจนเดือดและผงวุ้นละลายหมด หลังจากนั้นเติมส่วนผสมน้ำชาไทยลงไป คนจนเข้ากัน
- ผสมแป้งข้าวโพดกับนมสดหรือนมข้นจืดให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เทลงไปในหม้อ ระหว่างนี้ก็คนไปด้วย คนแป๊บเดียวหน้านิ่มก็ข้นขึ้นแล้ว คนต่ออีกสัก 20-30 วินาที แล้วดับเตา ใส่กลิ่นชาไทยและเนยสดลงไป คนจนเนยละลาย
- แบ่งเค้กเป็น 2 ชิ้น นำหน้านิ่มปาดบนเค้กแผ่นแรกให้ทั่ว แล้วนำอีกแผ่นมาวางประกบ ปาดด้านข้างให้เรียบร้อยแล้วราดหน้านิ่มให้ทั่วเค้ก ปาดให้สวยงาม พักให้เซตตัวในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนำมาตัดเสิร์ฟ
6. เค้กชิฟฟ่อนสตรอว์เบอร์รี
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 35 กรัม (ประมาณ 1/4 ถ้วยตวง)
- น้ำ 60 กรัม (ประมาณ 1/3 ถ้วยตวง)
- น้ำมันพืช 35 กรัม (ประมาณ1/4 ถ้วยตวง)
- กลิ่นสตรอว์เบอร์รี 1/2 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 80 กรัม (2/3 ถ้วยตวง)
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีชมพู
- ไข่ขาว 3 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 30 กรัม (ประมาณ 1/4 ถ้วยตวง)
- วิปปิ้งครีม 300 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 40 กรัม
- สตรอว์เบอร์รีสด
- ไวท์ช็อกโกแลต (White Chocolate) 100 กรัม
- วิปครีม 80 กรัม
- สีผสมอาหารสีชมพู
- กลิ่นสตรอว์เบอร์รี 1/2 ช้อนชา
วิธีทำเค้กชิฟฟ่อนสตรอว์เบอร์รี
- ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายจนเข้ากันแล้วใส่น้ำ น้ำมันพืช และกลิ่นสตรอว์เบอร์รีลงไป ตีจนเข้ากันดี
- ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟู (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากันแต่อย่านานมากเดี๋ยวเค้กจะเหนียว หลังจากนั้นก็ใส่สีผสมอาหารสีชมพูตะล่อมจนเข้ากัน พักไว้
- ทำส่วนผสมไข่ขาว โดยตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์จนเป็นฟองหยาบแล้วใส่แป้งข้าวโพด ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอดอ่อนหรือตั้งยอดกลาง
- ตักส่วนผสมไข่ขาวบางส่วนใส่ชามส่วนผสมไข่แดง ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน ใส่ส่วนผสมไข่ขาวที่เหลือลงไป ตะล่อมจนเนียนเข้ากัน
- เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ใช้ไพ่หรือไม้พายเกลี่ยให้แป้งเค้กเสมอกัน แล้วเคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง ถ้ายังมีฟองอยู่ก็เอาไม้จิ้มฟันเจาะฟองออก นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 12-15 นาที เปิดไฟบน-ล่าง พออบเสร็จก็เคาะพิมพ์ 1 ครั้งเพื่อไม่ให้เค้กยุบตัวมาก หลังจากนั้นก็นำไปพักบนตะแกรงจนเย็นสนิท
- ทำครีมสด โดยตีวิปครีมกับน้ำตาลไอซิ่ง ตีจนตั้งยอดแข็ง หลังจากนั้นแบ่งครึ่งเค้กเป็น 2 ชิ้น ทาวิปครีมลงไปจนทั่วแผ่นแรกแล้ววางสตรอว์เบอร์รีให้ทั่วแล้วทาวิปครีมทับลงไปอีกครั้ง นำเค้กอีกแผ่นมาวางประกบ ทาวิปครีมด้านบนแล้วปาดให้เรียบเสมอกัน นำไปพักในตู้เย็นประมาณ 30 นาทีหรือจนเซตตัว
- พอเค้กเซตตัวแล้วก็มาทำไวท์ช็อกโกแลตกานาช โดยต้มวิปครีมให้เดือดแล้วเทลงไปในชามไวท์ช็อกโกแลต คนให้ละลายเข้ากัน เติมสีผสมอาหารสีชมพูลงไปตามชอบ ถ้าอยากใส่กลิ่นสตรอว์เบอร์รีเพิ่มก็ได้ ประมาณ 1/2 ช้อนชา แล้วคนจนเย็น เทราดหน้าเค้กให้ทั่ว หลังจากนั้นพักให้เซตตัวประมาณ 2 ชั่วโมง พอเซตตัวแล้วก็ตัดด้านข้างที่ไม่สวยออกไป ตัดแบ่งเป็นชิ้นตามใจชอบ
7. เค้กชาเขียวถั่วแดง
ส่วนผสม ครีมแต่งหน้าเค้ก
- วิปปิ้งครีม 400 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 60 กรัม (ถ้าใครอยากใส่กลิ่นชา หรือผงชาเพิ่มตอนตีครีมก็ได้ ถ้าใส่กลิ่นก็ใส่ประมาณ 1/2 ช้อนชา ถ้าเป็นผงชาก็ใส่ประมาณ 5-10 กรัม แล้วแต่ความชอบ)
- เค้กชิฟฟ่อนชาเขียว (วิธีทำเค้กชิฟฟ่อนชาเขียว คลิก)
- ถั่วแดงญี่ปุ่นกวน 300 กรัม
- ผงชาเขียว (สำหรับโรยหน้า)
วิธีทำเค้กชาเขียวถั่วแดง
- ทำวิปปิ้งครีม โดยตีวิปครีมและน้ำตาลไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง
- แบ่งเค้กเป็น 3 ชั้น ชั้นแรกให้ทาวิปครีม ชั้นที่สองปาดถั่วแดง ส่วนชั้นบนสุดก็ปาดวิปครีมให้ทั่ว พักให้เซตตัวในตู้เย็น 4-5 ชั่วโมง พอครีมเซตตัวแล้วก็นำออกมา ก่อนตัดเสิร์ฟก็ร่อนผงชาเขียวโรยหน้าให้สวยงาม
8. เค้กชาเขียว
แอบเบื่อเค้กชั้นชาเขียวถั่วแดงกวนก็ลองมาทำเมนูเค้กชาเขียว สูตรจาก เฟซบุ๊ก Baking Glory แป้งเค้กผสมผงชาเขียว พออบสุกผ่าครึ่งแล้วทาวิปปิ้งครีม ก่อนเสิร์ฟโรยผงชาเขียวด้านบน
- แป้งเค้ก (ที่ร่อนแล้ว) 1/2 ถ้วย
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 1/4 ถ้วย
- ไข่แดง 2 ฟอง
- น้ำมันเมล็ดชา 2 ช้อนโต๊ะ (หรือใช้น้ำมันพืชแทนได้)
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ขาว 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 1/3 ถ้วย
- สีผสมอาหารสีเขียว เล็กน้อย (เพื่อเพิ่มสีสัน แต่ไม่ใส่ก็ไม่เป็นไร)
- ครีมสด (สำหรับแต่งหน้าเค้ก)
วิธีทำเค้กชาเขียว
- แบ่งส่วนผสมเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของแห้ง ส่วนไข่แดง และส่วนไข่ขาว
- ร่อนแป้งเค้ก (ที่ร่อนแล้ว) กับผงฟู ผงชาเขียว และเกลือป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นใส่น้ำตาลทรายส่วนที่ 1 ลงไป เตรียมไว้
- ผสมไข่แดง น้ำมันเมล็ดชา และน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
- ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) เข้าด้วยกันจนตั้งยอดแข็ง เตรียมไว้
- นำส่วนผสมไข่แดง ในข้อ 3 ผสมกับแป้งที่ร่อนไว้ ในข้อ 2 คนผสมให้เข้ากันจนเนียน และชาเขียวไม่เป็นเม็ด ใส่สีผสมอาหารสีเขียวลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำไปผสมกับไข่ขาวที่ตีไว้ ในข้อ 4 คนผสมพอเข้ากัน
- เทส่วนผสมใส่พิมพ์ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที (ถ้าใช้พิมพ์ถ้วยก็ประมาณ 20 นาที ลองเช็กความสุกด้วยไม้จิ้มฟัน ถ้าเนื้อไม่ติดไม้ก็สุกแล้ว อย่าอบนานไปเพราะเนื้อจะแห้ง) นำเค้กที่อบเสร็จแล้วมาผ่าครึ่งแล้วทาด้วยวิปปิ้งครีมที่ตีไว้ตามชอบ ก่อนเสิร์ฟโรยผงชาเขียวด้านบนเพิ่มความสวยงาม
9. เค้กกาแฟคาราเมล
ชงเครื่องดื่มกาแฟรอเลยเพราะจะได้มากินคู่กับเมนูเค้กกาแฟคาราเมล สูตรจาก นิตยสาร Health & Cuisine ความพิเศษคือ ตัวเค้กสลับชั้นกับไส้กล้วยคาราเมลและครีมคาราเมล หั่นเป็นชิ้นจัดเสิร์ฟ
ส่วนผสม เค้กกาแฟ
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม
- แป้งข้าวโพด 8 กรัม
- เกลือป่น 1 กรัม
- ผงฟู 4 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง (1) 72 กรัม
- ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 4 ฟอง
- น้ำมันพืช 32 กรัม
- น้ำเปล่า 65 กรัม
- ผงกาแฟ 8 กรัม
- กลิ่นกาแฟ 4 กรัม
- ไข่ขาว 4 ฟอง
- น้ำตาลไอซิ่ง (2) 30 กรัม
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 กรัม
ส่วนผสม คาราเมล
- น้ำตาลทรายขาว 13 กรัม
- เกลือป่น 0.2 กรัม
- เนยเค็ม 20 กรัม
- นมข้นจืด 24 กรัม
- นมข้นหวาน 60 กรัม
- พิมพ์ทรงกระบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 นิ้ว
ส่วนผสม ซอสคาราเมล
- น้ำตาลทรายขาว 200 กรัม
- เกลือป่น 0.8 กรัม
- น้ำเปล่า 54 กรัม
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 69 กรัม
ส่วนผสมอื่น ๆ
- วิปปิ้งครีม 74 กรัม
- กล้วยหอม 3 ลูก
- ช็อกโกแลตขูดและกาแฟผงสำหรับตกแต่งตามชอบ
วิธีทำเค้กกาแฟ
- ร่อนแป้ง เกลือป่น ผงฟู และน้ำตาลไอซิ่ง (1) เข้าด้วยกัน พักไว้ ผสมไข่แดง น้ำมันพืช น้ำ ผงกาแฟ และน้ำหอมกลิ่นกาแฟ คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำส่วนผสมของแห้งที่ร่อนไว้มาเทใส่ แล้วคนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
- ตีไข่ขาว น้ำตาลไอซิ่ง (2) และครีมออฟทาทาร์ด้วยหัวตีตะกร้อ เมื่อเข้ากันแล้วทยอยเทส่วนผสมในข้อ 1 ลงไป ตีจนส่วนผสมทั้งหมดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่พิมพ์ทรงกระบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์ กลาง 3 นิ้ว นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที เมื่อเค้กสุกพักให้เย็น แกะออกจากพิมพ์ สไลซ์ผิวเค้กด้านบนออก แล้วสไลซ์เค้กตามแนวนอนแบ่งเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน
- ทำคาราเมล โดยละลายน้ำตาลทรายขาวด้วยไฟกลางจนกลายเป็นคาราเมล เติมเกลือป่น เนย นมข้นจืด และนมข้นหวานลงไป คนให้เข้ากัน รอให้เดือดสักพัก ปิดไฟ ยกลงพักไว้จนเย็น
- ทำไส้กล้วยคาราเมลโดยสไลซ์กล้วยหอมเป็นชิ้นบาง แล้วนำไปคลุกกับคาราเมล 48 กรัม
- ทำครีมคาราเมลโดยตีวิปปิ้งครีมจนตั้งยอด จากนั้นใส่คาราเมล (ที่ได้ในข้อ 4) ลงไป 55 กรัม ตีต่อจนเข้ากัน
- ทำน้ำตาลคาราเมลโดยนำน้ำตาลทรายและน้ำ ยกขึ้นตั้งไฟกลางต้มจนกลายเป็นคาราเมล เติมเม็ดมะม่วงหิมพานต์และเกลือป่น คนให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกลงแล้วเทลงในถาดแบน รอจนน้ำตาลแข็ง ตัดเป็นชิ้น ๆ พักไว้
- ประกอบชิ้นเค้กโดยวางไส้กล้วยคาราเมลลงบนชิ้นเค้ก นำเค้กอีกชิ้นปิดทับ แล้วบีบครีมคาราเมล ตกแต่งด้วยน้ำตาลคาราเมล ช็อกโกแลตขูด คาราเมล และกาแฟผง
10. เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม
ตามคำเรียกร้องของเด็ก ๆ ที่อยากกินเค้กชั้นของโปรดนั่นคือ เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม สูตรจาก คุณ Kate Somburanayut จับเค้กช็อกโกแลตสลับชั้นกับช็อกโกแลตหน้านิ่ม สุดท้ายราดช็อกโกแลตหน้านิ่ม
ส่วนผสม ของแห้ง
- แป้งเค้ก 80 กรัม
- ผงฟู 1/4 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- ผงโกโก้ 25 กรัม
- น้ำตาลทรายป่น 90 กรัม
ส่วนผสม ของเหลว
- น้ำ 50 กรัม
- นมข้นจืด 25 กรัม
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 65 กรัม
- ไข่แดง 2 ฟอง
ส่วนผสม ไข่ขาว
- ไข่ขาว 2 ฟอง
- น้ำตาลทรายป่น 45 กรัม
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสม ช็อกโกแลตฟัดจ์ (เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม)
- ผงวุ้น 1 ช้อนชา
- น้ำ 300 กรัม
- นมข้นจืด 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- โกโก้ 50 กรัม
- แป้งข้าวโพด 40 กรัม
- นมข้นจืด 150 กรัม
- เนยสด 150 กรัม
- เหล้ารัม 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม
- เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส และเตรียมพิมพ์กลมขนาด 8 นิ้ว ปูกระดาษไข (ไม่ทาไขมัน)
- ร่อนส่วนผสมของแห้งเข้าด้วยกันในอ่างผสม ทำบ่อตรงกลางไว้ ใส่ส่วนผสมของเหลวทั้งหมดลงในบ่อแป้งแล้วใช้ตะกร้อมือคนให้พอเข้ากัน พักไว้
- นำไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์ ใส่โถแล้วตีด้วยความเร็วสูงสุด ตีจนฟองขึ้นหยาบ ๆ จึงค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายป่นลงไปจนหมด ตีจนไข่ขาวตั้งยอดแข็ง ตักส่วนผสมไข่ขาวลงไปตะล่อมกับส่วนผสมแป้งที่ตีไว้ ใช้ตะกร้อมือคนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ นำไปอบนาน 35 นาที หรือจนกระทั่งเค้กสุก สไลซ์เป็นสองชั้น เตรียมไว้
- ทำช็อกโกแลตหน้านิ่ม โดยใส่ผงวุ้น น้ำ นมข้นจืด 200 กรัม น้ำตาลทราย และผงโกโก้ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ คนด้วยตะกร้อมือจนเข้ากัน และเดือด
- ใส่แป้งข้าวโพดกับนมข้นจืด 150 กรัมลงไป ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมเข้ากัน และเหนียวข้น
- พอเริ่มเดือดใส่เนยลงไป คนผสมเรื่อย ๆ ห้ามหยุด จนส่วนผสมข้นเท่าที่ต้องการ ยกลงจากเตา ใส่เหล้ารัมลงไป คนต่อจนส่วนผสมอุ่น นำหน้านิ่มปาดบนเค้กแผ่นแรกให้ทั่ว แล้วนำอีกแผ่นมาวางประกบ ปาดด้านข้างให้เรียบร้อยแล้วราดหน้านิ่มให้ทั่วเค้ก ปาดให้สวยงาม พอเซตตัวตัดแบ่งเป็นชิ้นให้สวยงาม
ใครถูกใจเมนูเค้กชั้นแบบไหนลองทำเลยค่ะ สำหรับเราขอทำเค้กมะพร้าวอ่อนครีมสดเป็นเมนูแรกเพราะชอบกินมะพร้าวที่สุดเลย